คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2923/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในคดีความผิดฐานรับของโจรนั้น โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับจำนำรถจักรยานยนต์ของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ว่าเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์ของกลางแล้วจำเลยต้องนำสืบแก้ตัวว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของที่ได้มาจากการกระทำความผิด เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยรับจำนำรถจักรยานยนต์ของกลางโดยรู้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ พยานโจทก์จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร ลำพังคำรับสารภาพชั้นจับกุม แต่จำเลยให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาคดี จะนำมาฟังลงโทษจำเลยว่ากระทำความผิดฐานรับของโจรหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2540 เวลากลางคืนหลังเที่ยงคนร้ายหลายคนร่วมกันลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ หมายเลขเครื่องยนต์ ซี.100 เอ็มเอสอี 0078986 หมายเลขตัวรถซี.100 เอ็มเอส 0078986 ราคา 36,000 บาท ของนางนิทราปิยะธำรงโรจนา ผู้เสียหาย ไปโดยทุจริต เหตุเกิดที่ตำบลป่าตองอำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ต่อมาวันที่ 6 เมษายน 2540 เวลากลางวันเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยกับนายสมชาย เขียวกะแล ได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายซึ่งถูกคนร้ายลักทรัพย์ไปดังกล่าวเป็นของกลาง ทั้งนี้ จำเลยกับนายสมชายและพวกที่หลบหนีอีก 1 คนร่วมกันลักทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต หรือมิฉะนั้นตามวันเวลาดังกล่าวข้างต้นตลอดมาจนถึงวันที่ 6 เมษายน 2540 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับนายสมชายและพวกที่หลบหนีร่วมกันรับเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายซึ่งถูกคนร้ายลักทรัพย์ไปดังกล่าวไว้จากคนร้าย โดยจำเลยกับพวกรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ซึ่งได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ เหตุรับของโจรเกิดที่ตำบลรัษฎาอำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(7), 357, 83

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก ลงโทษจำคุก 2 ปีจำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ยกฟ้องข้อหาลักทรัพย์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายสมชายได้กู้ยืมเงินจำเลย 3,000 บาท โดยนำรถจักรยานยนต์จำนำไว้กับจำเลย แม้รถจักรยานยนต์จะมีราคา 36,000 บาทเมื่อไม่ได้ขายขาด การจำนำประกันเงินกู้ 3,000 บาท จึงไม่ผิดปกติแต่อย่างใดทั้งผู้เสียหายก็เบิกความว่า ภายหลังยึดรถจักรยานยนต์ไว้แล้วได้ไปดู ก็ปรากฏว่าสภาพรถจักรยานยนต์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและได้ความว่าจำเลยใช้รถจักรยานยนต์ไปทำงานกลับบ้านทุกวันเมื่อถึงที่ทำงานโรงพยาบาลก็จอดไว้บริเวณที่จอดรถของโรงพยาบาลโดยเปิดเผย ดังนี้ เห็นว่า ในคดีความผิดฐานรับของโจรนั้น โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับจำนำรถจักรยานยนต์ของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ว่าเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์ของกลางนั้นจำเลยก็ต้องนำสืบแก้ตัวว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของที่ได้มาจากการกระทำความผิดเมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยรับจำนำรถจักรยานยนต์ของกลางโดยรู้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ พยานโจทก์จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรลำพังคำรับสารภาพชั้นจับกุม แต่จำเลยให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาคดี จะนำมาฟังลงโทษจำเลยว่ากระทำผิดฐานรับของโจรหาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share