แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่กำหนดเบี้ยปรับไว้นั้นถือว่า เป็นการกำหนดค่าเสียหายที่จะต้องชดใช้แก่กันไว้ล่วงหน้า ความเสียหายของจำเลยนอกจากถูกบริษัทหนึ่งปรับแล้ว ไม่ปรากฏว่าได้รับความเสียหายอย่างอื่นอีกดังนั้น เมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์รับผิดในค่าเสียหายที่จำเลยถูกปรับเต็มจำนวนที่จำเลยเรียกร้องแล้ว โจทก์ก็ไม่ต้องรับผิดชดใช้เบี้ยปรับตามสัญญาอีก
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 34,300 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 26,500 บาทจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาจำเลยทั้งสองว่า จำเลยที่ 1 จะเรียกร้องเอาเบี้ยปรับตามสัญญาจากโจทก์นอกเหนือจากค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1 ได้รับได้หรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 รับเหมางานย้ายโครงเหล็กต่อเรือของบริษัทอู่กรุงเทพฯ จำกัด จากสถานที่เดิมไปก่อสร้าง ณ สถานที่แห่งใหม่ แล้วจำเลยที่ 1 ได้จ้างเหมาโจทก์ให้รับช่วงไปทำในราคา 60,000 บาท โดยโจทก์ต้องทำงานให้เสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันลงนามในสัญญาหากไม่แล้วเสร็จในกำหนดโจทก์ยอมให้ปรับวันละ 500 บาท โจทก์ทำงานล่าช้ากว่ากำหนดเป็นเวลา 40 วัน เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบงานล่าช้าถูกบริษัทอู่กรุงเทพฯ จำกัด ปรับตามสัญญา ซึ่งจำเลยที่ 1 ขอเรียกค่าเสียหายส่วนนี้เป็นเงิน 3,500 บาท สำหรับค่าจ้างตามสัญญาจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้ชำระให้โจทก์อีก 30,000 บาท
ศาลฎีกาพิจารณาปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาจำเลยดังกล่าวข้างต้นแล้ว เห็นว่า สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ที่กำหนดเบี้ยปรับไว้นั้นถือได้ว่าเป็นการกำหนดค่าเสียหายที่จะต้องชดใช้แก่กันไว้ล่วงหน้า ความเสียหายของจำเลยที่ 1 นอกจากถูกบริษัทอู่กรุงเทพฯ จำกัด ปรับแล้วไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหายอย่างอื่นอีก ดังนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์รับผิดในค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1 ถูกปรับเต็มตามจำนวนที่จำเลยที่ 1 เรียกร้องแล้ว โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้เบี้ยปรับตามสัญญาอีก เพราะเป็นกรณีเรียกเอาเบี้ยปรับนอกเหนือจากความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ได้รับ ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 วรรคสองดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา”
พิพากษายืน