คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยและผู้ตายกอดปล้ำต่อสู้กัน จำเลยพลิกตัวขึ้นมานั่งคร่อมผู้ตายอยู่ด้านบน จึงย่อมสามารถใช้มีดแทงผู้ตายได้ถนัดและสามารถเลือกแทงได้ การที่จำเลยใช้มีดของกลางซึ่งเป็นมีดปลายแหลมขนาดใหญ่แทงไปที่บริเวณชายโครงขวาของผู้ตายจนเป็นบาดแผลฉกรรจ์ แสดงว่าจำเลยแทงโดยแรงถูกอวัยวะสำคัญ ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 33
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ลงโทษจำคุก 15 ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน แต่มีดของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด จึงให้ริบ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยใช้มีดของกลางแทงผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่าผู้ตายหรือไม่ โจทก์มีนายไพบูลย์ มูลธาธรรม บิดาของผู้ตายและนางบุญเลียน มัตถะปะโท เบิกความสอดคล้องต้องกันว่า ขณะที่จำเลยและผู้ตายกอดปล้ำต่อสู้กันอยู่นั้น พยานทั้งสองเห็นจำเลยขึ้นนั่งคร่อมผู้ตายที่นอนหงายอยู่ และจำเลยก็ให้การรับในชั้นสอบสวนว่า จำเลยพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบนก่อนจะใช้มีดแทงผู้ตาย เห็นว่า การที่จำเลยนั่งคร่อมผู้ตายอยู่ด้านบนนั้น ย่อมสามารถใช้มีดแทงผู้ตายได้ถนัดและสามารถเลือกแทงได้ การที่จำเลยใช้มีดของกลางซึ่งเป็นมีดปลายแหลมขนาดใหญ่แทงไปที่บริเวณชายโครงขวาของผู้ตาย จนเป็นบาดแผลฉกรรจ์ตามภาพถ่ายผู้ตาย แสดงว่าจำเลยแทงโดยแรงถูกที่อวัยวะสำคัญ ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยสถานเบานั้น เห็นว่า จำเลยกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงประหารชีวิต ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำคุกจำเลยเพียง 15 ปี ซึ่งเป็นโทษขั้นต่ำสุด แล้วลดโทษให้หนึ่งในสามเหลือจำคุก 10 ปี นั้น นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยอย่างยิ่งแล้ว ไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้จำเลยอีก ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share