แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นที่ได้นั่งพิจารณาฟังประเด็นกลับและจำเลยแถลงหมดพยานในวันดังกล่าวถือว่าเป็นผู้นั่งพิจารณาคดีชอบที่จะพิพากษาคดีในศาลชั้นต้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา183
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 5, 6, 13, 13 ทวิ, 89,106, 116 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ คืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง,89 จำคุก จำเลย 5 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ คืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อให้แก่เจ้าของ คำขออื่นให้ยก
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ผู้พิพากษาที่ลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นมิได้นั่งพิจารณาคดีนี้ คำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบนั้น เห็นว่าปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่20 เมษายน 2537 ว่า ผู้พิพากษาที่ลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นทั้งสองนายได้นั่งพิจารณาฟังประเด็นกลับ และจำเลยแถลงหมดพยานในวันดังกล่าว ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นทั้งสองนายดังกล่าวจึงเป็นผู้นั่งพิจารณาคดีนี้แล้ว และชอบที่จะพิพากษาคดีนี้ในศาลชั้นต้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 183
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลดโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 หนึ่งในสี่คงลงโทษจำคุก 3 ปี 9 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1