แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อข้อความในหนังสือสัญญาซื้อขายแสดงว่าจำเลยได้ส่งมอบที่ดินนาตาม น.ส.3ที่ซื้อขายให้โจทก์แล้ว และต่อมาเมื่อโจทก์กับจำเลยไปทำหนังสือขายที่ดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จดะเบียนสิทธิและนิติกรรม ณ ที่ว่าการอำเภอ กรณีนี้จึงต้องฟังว่าโจทก์ได้รับมอบที่ดินจากการซื้อขายที่ชอบด้วยกฎหมายแล้วตั้งแต่วันที่โจทก์กับจำเลยไปจดทะเบียน โจทก์นำคดีมาฟ้องเรียกที่ดินที่ขาดจำนวนเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่จดทะเบียน ฟ้องของโจทก์ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 467
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองได้ซื้อที่ดินบางส่วนตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยเนื้อที่ ๑๔ ไร่ ๔๖ ตารางวา ในราคา ๔๕,๐๐๐ บาท แต่ปรากฏต่อมาว่าที่ดินมีเนื้อที่เพียง ๗ ไร่ ๓ งาน ๒๐ ตารางวา ขอให้บังคับจำเลยให้จัดหาที่ดินส่วนที่ขาดไปอีก ๖ ไร่ ๑ งาน๒๖ ตารางวา เพิ่มให้แก่โจทก์ทั้งสองโดยมีที่ดินติดต่อกับที่ดินแปลงที่ซื้อขายกัน หากจำเลยไม่สามารถจัดหาที่ดินเพิ่มเติมได้ให้คืนเงินจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์ทั้งสองเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยขายที่ดินตามจำนวนเนิ้อทื่ที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โจทก์ทั้งสองเคยเห็นที่ดินอยู่เป็นประจำ เป็นการซื้อเหมาทั้งแปลง จำเลยไม่เคยรับรองว่าที่ดินจะมีอยู่ครบตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ นับแต่วันโอนจนถึงวันฟ้อง เป็นเวลา๑ ปีเศษแล้ว โจทก์ทั้งสองจะอ้างความบกพร่องแห่งทรัพย์สินให้จำเลยรับผิดย่อมไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ที่ ๑ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ยกฟ้องโจทก์ที่ ๒
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ ๑ ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามหนังสือสัญญาการซื้อขายที่ดินเอกสารหมาย จ.๓ ข้อ ๑และข้อ ๓ ระบุว่า
ข้อ ๑. ผู้ขายได้ขายที่ดินนาตาม น.ส.๓ เลขที่ ๖๒ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันขายจำนวนเนื้อที่ ๑๔ ไร่ ๕๖ ตารางวา ให้แก่ผู้ซื้อเป็นจำนวนเงิน ๔๕,๐๐๐ บาท (สี่หมื่นห้าพันบาทถ้วน)และยอมมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่ผู้ซื้อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๒๙…
ข้อ ๓. สิ่งปลูกสร้างไม่มี ที่นาแปลงนี้ไม่มีการเช่าแต่อย่างใดและตกลงให้ผู้ซื้อเข้าครอบครองนับแต่วันทำสัญญาเป็นต้นไป… ซึ่งข้อความดังกล่าวนี้แสดงว่าจำเลยได้ส่งมอบที่ดินที่ซื้อขายให้โจทก์ทั้งสองตั้งแต่วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๒๙ แล้ว และต่อมาเมื่อโจทก์ทั้งสองกับจำเลยไปทำหนังสือขายที่ดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ณ ที่ว่าการอำเภอตระการพืชผลในวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๙ ตามเอกสารหมาย จ.๒ กรณีจึงต้องฟังว่าโจทก์ทั้งสองได้รับมอบที่ดินจากการซื้อขายที่ชอบด้วยกฎหมายแล้วตั้งแต่วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๙ เมื่อโจทก์ที่ ๑ มิได้นำสืบข้อเท็จจริงว่า มีสัญญาการส่งมอบที่ดินซื้อขายเป็นอย่างอื่น ที่โจทก์ที่ ๑ ฎีกาว่า โจทก์ที่ ๑ เพิ่งทราบถึงความบกพร่องขาดจำนวนของเนื้อที่ดินในวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๓๐ ถือเป็นปริยายว่า โจทก์ที่ ๑ เพิ่งได้รับส่งมอบที่ดินในวันดังกล่าว จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังได้ว่า จำเลยได้ส่งมอบที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งสองในวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๙ แต่โจทก์ที่ ๑ นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ ๑๕มิถุนายน ๒๕๓๐ เกินกำหนดเวลาหนึ่งปีแล้ว ฟ้องของโจทก์ที่ ๑ ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๖๗
พิพากษายืน.