แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญาอยู่ในอำนาจศาลแขวง เมื่อศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโจทก์แล้ว โจทก์อุทธรณ์ทั้งปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ขึ้นมา ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะชี้ขาดเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงลงโทษจำเลย จึงเป็นการมิชอบ เพราะปัญหาข้อเท็จจริงยุติแล้ว
ย่อยาว
คดี ๒ สำนวนนี้ ศาลพิพากษารวมกัน โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จและฉ้อโกง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษายกฟ้องทั้งสองสำนวน
นางฉลองโจทก์ร่วมและนางทิพพาโจทก์อุทธรณ์ตั้งปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ จำคุก ๑ เดือน นอกจากนี้ยืนตามศาลชั้นต้น
นางฉลองโจทก์ร่วมและนางทิพพา โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒
นางจงใจจำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีทั้ง ๒ สำนวน อยู่ในอำนาจของศาลแขวง เมื่อศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์จะอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ แต่คดีนี้โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ทั้งในปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ศาลแขวงสั่งรับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะชี้ขาด เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น แต่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ จึงเป็นการมิชอบ เพราะข้อเท็จจริงอันยุติแล้ว นอกจากปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาด
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่