แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะเกิดเหตุผู้ตายและจำเลยต่างเป็นข้าราชการตำรวจอยู่ที่สถานีตำรวจแห่งเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุ เมื่อผู้ตายพบจำเลย ผู้ตายชอบพูดแหย่จำเลยว่าจะจีบคนรักของจำเลยซึ่งเป็นพยาบาล จนทำให้จำเลยมีอาการหึงหวงและโกรธผู้ตาย วันเกิดเหตุจำเลยเห็นผู้ตายยืนรอโทรศัพท์ที่ข้างตู้โทรศัพท์สาธารณะฝั่งตรงข้ามกับสถานีตำรวจ จำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์ไปจอดฝั่งตรงข้ามกับตู้โทรศัพท์สาธารณะดังกล่าวแล้วเดินกลับไปกลับมาบริเวณหน้าสถานีตำรวจ 3 ถึง 4 เที่ยว อันเป็นการคิดตัดสินใจไว้ล่วงหน้า จากนั้นจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทางด้านหลังถึง 5 นัด จนผู้ตายถึงแก่ความตาย เป็นการยิงโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หาใช่เป็นการตัดสินใจทันทีทันใดไม่ จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ย่อยาว
คดีสำนวนนี้ เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3736/2545 ของศาลชั้นต้นแต่คดีดังกล่าวยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 คงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะคดีนี้
คดีนี้โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 288, 289, 32, 33 ริบหัวกระสุนปืนขนาด .38 ของกลาง
สำนวนที่สองโจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 158, 352, 91 นับโทษจำเลยต่อจากโทษในสำนวนแรก และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวนเงิน 12,941 บาท แก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธทั้งสองสำนวน แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 289 (4), 158, 352 วรรคแรก เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนให้ประหารชีวิต ฐานยักยอกและเป็นเจ้าพนักงานทำให้เสียทรัพย์อันเป็นหน้าที่ของตนที่จะรักษาไว้เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานทำให้เสียทรัพย์อันเป็นหน้าที่ของตนที่จะรักษาไว้ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุก 3 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี เมื่อลงโทษประหารชีวิต จึงไม่อาจนับโทษจำเลยต่อจากโทษในสำนวนที่ 2 (ที่ถูกสำนวนแรก) ได้ และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 12,941 บาท แก่เจ้าของ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288, 158 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ. มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่น ให้จำคุกตลอดชีวิต ทางนำสืบของจำเลยสำหรับความผิดฐานนี้เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตาม ป.อ. มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยในฐานนี้มีกำหนด 37 ปี 6 เดือน ฐานเป็นเจ้าพนักงานเอาไปเสียหรือทำให้สูญหายซึ่งทรัพย์อันเป็นหน้าที่ของตนที่จะรักษาไว้ จำคุก 2 ปี ทางนำสืบของจำเลยสำหรับความผิดฐานนี้เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน รวมจำคุก 38 ปี 10 เดือน คำขออื่นให้ยกนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าวุ้ง มีหน้าที่ที่จะปกครองหรือรักษาไว้ซึ่งอาวุธปืนสั้น ขนาด .38 หมายเลขทะเบียนตราโล่ 3721899 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 6 นัด ซองพกหนัง จำนวน 1 ซอง และแส้ทำความสะอาดอาวุธปืนจำนวน 1 ชุด ของกรมตำรวจในขณะนั้น แต่จำเลยกลับเอาไปเสียหรือทำให้สูญหายซึ่งทรัพย์ดังกล่าว และจำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงสิบตำรวจชิษณุพงษ์ ผู้ตาย จนถึงแก่ความตาย ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่า ขณะเกิดเหตุผู้ตายและจำเลยต่างเป็นข้าราชการตำรวจอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าวุ้ง ก่อนเกิดเหตุ เมื่อผู้ตายพบจำเลย ผู้ตายชอบพูดแหย่จำเลยว่าจะจีบคนรักของจำเลยซึ่งเป็นพยาบาล จนทำให้จำเลยมีอาการหึงหวงและโกรธผู้ตาย วันเกิดเหตุจำเลยเห็นผู้ตายยืนรอโทรศัพท์ที่ข้างตู้โทรศัพท์สาธารณะฝั่งตรงข้ามกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าวุ้ง จำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์ไปจอดฝั่งตรงข้ามกับตู้โทรศัพท์สาธารณะดังกล่าวแล้วเดินกลับไปกลับมาบริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าวุ้ง 3 ถึง 4 เที่ยว อันเป็นการคิดตัดสินใจไว้ล่วงหน้า จากนั้นจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทางด้านหลังถึง 5 นัด จนผู้ตายถึงแก่ตาย เป็นการยิงโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หาใช่เป็นการตัดสินใจทันทีทันใดดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยไม่ จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นการไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 289 (4) ให้ประหารชีวิต ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (1) จำคุกตลอดชีวิตเมื่อรวมโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน ในความผิดฐานอื่นตาม ป.อ. มาตรา 91 (3) ด้วยแล้วคงจำคุกตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1.