คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4099/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ผู้ขนส่งมีหน้าที่ต้องดูแลมิให้สินค้าที่ขนส่งสูญหายหรือได้รับความเสียหายในระหว่างการขนส่งหรือในระหว่างที่สินค้านั้นอยู่ในความดูแลของตน มิฉะนั้น จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อความสูญหายหรือเสียหายนั้นต่อผู้รับตราส่ง การที่จำเลยที่ 1 ต้องฝากสินค้าที่ขนส่งไว้ในคลังสินค้าของจำเลยที่ 2 เพราะถูกบังคับโดยกฎหมายศุลกากรเพื่อเสียภาษีศุลกากรและตามกฎหมายการบินระหว่างประเทศ (IATA) เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ต้องปฏิบัติเพื่อส่งมอบสินค้านั้นให้แก่ผู้รับตราส่งต่อไป สินค้าที่ขนส่งยังไม่พ้นไปจากความดูแลหรือความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 ผู้ขนส่ง ดังนั้น แม้เหตุแห่งการสูญหายของสินค้าน้ำหอมที่ขนส่งจะเกิดขึ้นในระหว่างที่สินค้าอยู่ในคลังสินค้าของจำเลยที่ 2 ก็ถือได้ว่าเหตุแห่งการสูญหายของสินค้าที่ขนส่งเกิดขึ้นในระหว่างการขนส่งหรือในระหว่างที่สินค้านั้นยังอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 ผู้ขนส่ง จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดสำหรับความเสียหายเนื่องจากการสูญหายของสินค้าที่ขนส่งต่อโจทก์ผู้รับประกันภัยสินค้านั้น
คดีนี้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และจำเลยร่วม มิได้ทำนิติกรรมว่าจะร่วมกันรับผิดในหนี้ค่าเสียหายเนื่องจากการสูญหายของสินค้าน้ำหอมที่ขนส่งแต่อย่างใด ทั้งไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดบัญญัติให้ผู้ขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ นายคลังสินค้า และผู้รับประกันภัยความรับผิดอันเกิดจากการเก็บของในคลังสินค้าร่วมกันรับผิดในหนี้ค่าเสียหายเนื่องจากการสูญหายของสินค้าที่ขนส่งอย่างลูกหนี้ร่วม ดังนี้ กรณีจึงไม่อาจพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ผู้ขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 นายคลังสินค้าและจำเลยร่วมผู้รับประกันภัยความรับผิดอันเกิดจากการเก็บของในคลังสินค้าของจำเลยที่ 2 ในหนี้ค่าเสียหายเนื่องจากการสูญหายของสินค้าน้ำหอมที่ขนส่งได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 547,887.97 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 519,894.89 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยที่ 1 ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกบริษัทกรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต
จำเลยร่วมให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินจำนวน 40,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2541 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับ ให้จำเลยร่วมชำระเงินจำนวน 468,218.38 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2541 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยร่วมใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีในส่วนของจำเลยร่วม ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2541 บริษัทคิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ได้เอาประกันภัยสินค้าน้ำหอมและยาระงับกลิ่นตัวยี่ห้อคาลวินไคลน์ไว้แก่โจทก์ สินค้าดังกล่าวจำเลยที่ 1 รับจ้างขนส่งจากท่าอากาศยานนวร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา มาถึงกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2541 ในสภาพเรียบร้อยถูกต้องครบถ้วน จำเลยที่ 2 นายคลังสินค้าจัดการขนถ่ายสินค้าดังกล่าวนำไปเก็บรักษาไว้ในคลังสินค้าของตน ต่อมาในวันที่ 24 สิงหาคม 2541 บริษัทคิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ผู้เอาประกันภัยมาขอรับสินค้าจากจำเลยที่ 2 ปรากฏว่าสินค้าน้ำหอมสูญหายไป เป็นเงิน 12,305.53 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 508,218.38 บาท ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2541 โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่บริษัทคิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงประการเดียวว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศต้องรับผิดสำหรับความสูญหายของสินค้าที่ขนส่งหรือไม่ ในข้อนี้ปรากฏตามใบรับขนทางอากาศ (Air Waybill) ซึ่งเป็นหลักฐานแห่งสัญญารับขนสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศในคดีนี้ว่า สัญญารับขนสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศดังกล่าวได้กำหนดให้จำเลยที่ 1 ผู้ขนส่งมีหน้าที่ต้องขนส่งสินค้าน้ำหอมคาลวินไคลน์ที่สูญหายไปจากท่าอากาศยานนวร์ก (Newark) มลรัฐนิวเจอร์ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา มายังเมืองท่าปลายทางที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ ประเทศไทย ดังนี้ จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ตามสัญญารับขนสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศดังกล่าวที่ต้องดูแลมิให้สินค้าที่ขนส่งสูญหายหรือได้รับความเสียหายในระหว่างการขนส่งหรือในระหว่างที่สินค้านั้นอยู่ในความดูแลของตน มิฉะนั้น จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อความสูญหายหรือเสียหายนั้นต่อผู้รับตราส่ง การที่จำเลยที่ 1 ต้องฝากสินค้าที่ขนส่งไว้ในคลังสินค้าของจำเลยที่ 2 เพราะถูกบังคับโดยกฎหมายศุลกากรเพื่อเสียภาษีศุลกากรและตามกฎหมายการบินระหว่างประเทศ (IATA) นั้นเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ต้องปฏิบัติเพื่อส่งมอบสินค้านั้นให้แก่ผู้รับตราส่งต่อไป สินค้าที่ขนส่งยังไม่พ้นไปจากความดูแลหรือความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 ผู้ขนส่ง ดังนั้น แม้เหตุแห่งการสูญหายของสินค้าน้ำหอมที่ขนส่งดังกล่าวได้เกิดขึ้นในระหว่างที่สินค้าอยู่ในคลังสินค้าของจำเลยที่ 2 ก็ถือได้ว่าเหตุแห่งการสูญหายของสินค้าที่ขนส่งเกิดขึ้นในระหว่างการขนส่งหรือในระหว่างที่สินค้านั้นยังอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 ผู้ขนส่ง จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดสำหรับความเสียหายเนื่องจากการสูญหายของสินค้าที่ขนส่งต่อโจทก์ผู้รับประกันภัยสินค้านั้นซึ่งรับช่วงสิทธิของบริษัทคิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นผู้รับตราส่ง
ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ 1 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 นายคลังสินค้าและจำเลยร่วมผู้รับประกันภัยความรับผิดอันเกิดจากเก็บของในคลังสินค้าของจำเลยที่ 2 ในความสูญหายของสินค้าน้ำหอมต่อโจทก์นั้น เห็นว่า การที่จะให้บุคคลหลายคนต้องรับผิดร่วมกันในหนี้จำนวนใดจำนวนหนึ่งอย่างลูกหนี้ร่วมได้ต้องเป็นไปโดยนิติกรรมหรือมีกฎหมายบัญญัติไว้ชัดแจ้งให้บุคคลเหล่านั้นต้องรับผิดร่วมกันอย่างลูกหนี้ร่วมเท่านั้น สำหรับคดีนี้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และจำเลยร่วมมิได้ทำนิติกรรมว่าจะร่วมกันรับผิดในหนี้ค่าเสียหายเนื่องจากการสูญหายของสินค้าน้ำหอมที่ขนส่งแต่อย่างใด ทั้งไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดบัญญัติให้ผู้ขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ นายคลังสินค้า และผู้รับประกันภัยความรับผิดอันเกิดจากการเก็บของในคลังสินค้าร่วมกันรับผิดในหนี้ค่าเสียหายเนื่องจากการสูญหายของสินค้าที่ขนส่งอย่างลูกหนี้ร่วม ดังนี้ กรณีจึงไม่อาจพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ผู้ขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 นายคลังสินค้า และจำเลยร่วมผู้รับประกันภัยความรับผิดอันเกิดจากการเก็บของในคลังสินค้าของจำเลยที่ 2 ในหนี้ค่าเสียหายเนื่องจากการสูญหายของสินค้าน้ำหอมที่ขนส่งดังที่โจทก์อุทธรณ์ได้ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน…
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 รับผิดชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 508,218.38 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2541 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น และในการบังคับชำระหนี้จำนวนดังกล่าว นอกจากโจทก์จะมีสิทธิบังคับชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 แล้ว ให้โจทก์มีสิทธิบังคับชำระหนี้ทั้งจำนวนหรือเฉพาะส่วนที่ขาด แล้วแต่กรณีเอาจากจำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมก็ได้ โดยให้จำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ในต้นเงินจำนวนไม่เกิน 40,000 บาท และไม่เกินจำนวน 468,128.38 บาท ตามลำดับ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2541 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น ทั้งนี้ โดยความรับผิดในดอกเบี้ยที่คำนวณถึงวันที่ 16 สิงหาคม 2542 อันเป็นวันฟ้องต้องไม่เกินจำนวน 28,293.08 บาท ตามคำฟ้อง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่โจทก์ชำระเกินมาแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 300 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากที่คืนดังกล่าวให้เป็นพับ.

Share