คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1900/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า “diamond” สำหรับใช้กับสินค้าโช้คอัพประตูไว้ก่อนที่จำเลยที่ 3 จะยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า “dimond” สำหรับสินค้าโช้คอัพประตูกับสินค้าโครงฝ้าเพดานทำด้วยโลหะ ลูกเลื่อนประตูทำด้วยโลหะ และลูกเลื่อนหน้าต่างทำด้วยโลหะ เมื่อเครื่องหมายการค้าที่โจทก์กับที่จำเลยที่ 3 ยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าที่คล้ายกันจนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดในความเป็นเจ้าของของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดสินค้า โจทก์ซึ่งยื่นคำขอจดทะเบียนไว้ก่อนจึงเป็นผู้มีสิทธิได้รับการจดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า เว้นแต่จำเลยที่ 2 จะมีคำสั่งให้โจทก์กับจำเลยที่ 3 ตกลงกันเองก่อน ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 24 หรือเป็นกรณีที่จำเลยที่ 2 เห็นว่าต่างฝ่ายต่างได้ใช้เครื่องหมายการค้ากันมาแล้วด้วยกันโดยสุจริตตามมาตรา 27 แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ดำเนินการตามมาตรา 24 หรือมาตรา 27 แต่อย่างใด เนื่องจากมีเหตุบกพร่องในการตรวจสอบข้อมูลเครื่องหมายการค้าเพราะความขัดข้องของระบบคอมพิวเตอร์ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้แก่จำเลยที่ 3 จึงเป็นการจดทะเบียนที่ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 20 อันจะต้องเพิกถอนการจดทะเบียนที่ไม่ชอบเสียทั้งหมด แม้จำเลยที่ 3 จะได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเพื่อใช้กับสินค้าบางรายการที่แตกต่างกับที่โจทก์ขอจดทะเบียนไว้ก็ตาม
โจทก์ได้ร้องขอต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าให้สั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 3 แล้ว แต่การร้องขอดังกล่าวเป็นกรณีที่โจทก์อ้างว่าเครื่องหมายการค้าที่จำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนไว้นั้นเป็นเครื่องหมายการค้าที่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่จดทะเบียนไว้แล้ว จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดในความเป็นเจ้าของของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าสำหรับสินค้าจำพวกเดียวกัน ตามมาตรา 61 ส่วนการที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องต่อศาลเป็นกรณีที่โจทก์กล่าวอ้างว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่จำเลยที่ 3 ได้จดทะเบียนไว้ดีกว่าจำเลยที่ 3 ตามมาตรา 67 ซึ่งเป็นการอ้างเหตุแห่งการเพิกถอนที่แตกต่างกัน การที่โจทก์ได้ร้องขอให้คณะกรรมการเครื่องหมายการค้าเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 3 จึงไม่เป็นการต้องห้ามมิให้โจทก์พิสูจน์ว่ามีสิทธิในเครื่องหมายการค้านั้นดีกว่าและร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า “dimond” ของจำเลยที่ 3 และหรือให้จำเลยที่ 3 จดทะเบียนเพิกถอนเครื่องหมายการค้าคำว่า “dimond” ของจำเลยที่ 3 หากจำเลยที่ 3 ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 3
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นส่วนราชการสังกัดกระทรวงพาณิชย์ จำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในสังกัดของจำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า และเป็นผู้รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์และของจำเลยที่ 3 โจทก์ไม่สามารถฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง พิพากษาให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 3 ตามทะเบียนเลขที่ ค. 132197 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2543 โจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า คำว่า “diamond” คำขอเลขที่ 416495 สำหรับสินค้าจำพวกที่ 6 รายการสินค้า โช้คอัพประตู และเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2543 จำเลยที่ 3 ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า คำว่า “dimond” คำขอเลขที่ 430188 สำหรับสินค้าจำพวกที่ 6 รายการสินค้า โช้คอัพประตู ลูกล้อเลื่อนประตูทำด้วยโลหะ โจทก์ได้รับการจดทะเบียนเป็นทะเบียนเลขที่ ค. 135311 และจำเลยที่ 3 ก็ได้รับการจดทะเบียนเป็นทะเบียนเลขที่ ค. 132197
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ขอให้ศาลจำกัดสิทธิแห่งการจดทะเบียนของจำเลยที่ 3 ให้อยู่เฉพาะสินค้าอื่นนอกจากสินค้าที่โจทก์พิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่านั้น เห็นว่า แม้โจทก์จะได้ใช้เครื่องหมายการค้า คำว่า “diamond” เฉพาะกับสินค้าโช้คอัพประตู แต่โจทก์ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวสำหรับสินค้าจำพวกที่ 6 รายการสินค้า โช้คอัพประตู ไว้ก่อนที่จำเลยที่ 3 จะยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 3 ซึ่งขอจดทะเบียนสำหรับสินค้าจำพวกที่ 6 เช่นเดียวกัน โดยมีรายการสินค้าโช้คอัพประตู โครงฝ้าเพดานทำด้วยโลหะ ลูกเลื่อนประตูทำด้วยโลหะ และลูกเลื่อนหน้าต่างทำด้วยโลหะ และเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 3 คล้ายกับของโจทก์ จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้า จึงเป็นกรณีตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 20 ที่โจทก์ซึ่งยื่นคำขอจดทะเบียนไว้ก่อนเป็นผู้มีสิทธิได้รับการจดทะเบียนซึ่งย่อมมีผลให้จำเลยที่ 3 ไม่มีสิทธิได้รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 3 ตามคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 3 เลย เว้นแต่นายทะเบียนจะมีคำสั่งให้ผู้ขอจดทะเบียนทั้งสองรายนี้ตกลงกันเองก่อน ตามมาตรา 24 หรือนายทะเบียนเห็นว่าเป็นกรณีที่ต่างฝ่ายต่างได้ใช้เครื่องหมายการค้ากันมาแล้วด้วยกันโดยสุจริตตามมาตรา 27 แต่ปรากฏว่านายทะเบียนไม่ได้ดำเนินการตามมาตรา 24 หรือมาตรา 27 นั้นแต่อย่างใด โดยเหตุที่จำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้จำเลยที่ 3 ไป ก็เนื่องจากมีเหตุบกพร่องในการตรวจสอบข้อมูลเครื่องหมายการค้าเพราะความขัดข้องของระบบคอมพิวเตอร์เท่านั้น จึงเห็นได้ว่าการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้แก่จำเลยที่ 3 ดังกล่าวเป็นการจดทะเบียนที่ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 20 อันเป็นเหตุที่ต้องเพิกถอนการจดทะเบียนอันมิชอบนี้เสียทั้งหมด ไม่มีเหตุที่จะจำกัดการเพิกถอนเฉพาะบางรายการสินค้าดังที่จำเลยที่ 3 อุทธรณ์แต่อย่างใด อุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการสุดท้ายว่า การที่โจทก์ได้ร้องขอต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าให้สั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 3 แล้ว เป็นการต้องห้ามมิให้ร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะได้ร้องขอต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าให้สั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 3 แล้ว แต่การร้องขอดังกล่าวเป็นกรณีที่โจทก์อ้างว่าเครื่องหมายการค้าที่จำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนไว้นั้นเป็นเครื่องหมายการค้าที่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดในความเป็นเจ้าของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าสำหรับสินค้าจำพวกเดียวกัน ตามมาตรา 61 แห่ง พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 ส่วนการที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องต่อศาลเพื่อให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 3 ที่ได้จดทะเบียนไว้นั้น เป็นกรณีที่โจทก์กล่าวอ้างว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่จำเลยที่ 3 ได้จดทะเบียนไว้ดีกว่าจำเลยที่ 3 ตามมาตรา 67 ซึ่งเป็นกรณีที่โจทก์อ้างเหตุแห่งการเพิกถอนการจดทะเบียนแตกต่างจากกัน การที่โจทก์ได้ร้องขอให้คณะกรรมการเครื่องหมายการค้าเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 3 จึงไม่เป็นการต้องห้ามมิให้โจทก์พิสูจน์ว่าตนมีสิทธิในเครื่องหมายการค้านั้นดีกว่าและร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นแต่อย่างใด
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

Share