คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงินที่จำเลยฝากไว้กับธนาคารผู้ร้อง ย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องมาตั้งแต่มีการฝากเงิน จำเลยมีเพียงสิทธิที่จะถอนเงินและผู้ร้องมีหน้าที่ต้องคืนเงินที่ขอถอนเท่านั้น การฝากเงินจึงมิใช่การส่งมอบสังหาริมทรัพย์ของจำเลยให้แก่ผู้ร้องตามลักษณะจำนำ กรณีมิใช่จำนำเงินฝาก ส่วนสมุดคู่ฝากที่จำเลยมอบไว้แก่ผู้ร้อง เป็นเพียงการตกลงมอบสิทธิที่จะได้รับเงินฝากคืนให้ไว้แก่ผู้ร้อง เพื่อเป็นประกันหนี้ของผู้กู้ทุกรายซึ่งเป็นลูกค้าของจำเลยที่จำเลยนำมากู้เงินจากผู้ร้อง ทั้งสิทธิดังกล่าวเป็นสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีรูปร่างอันจะส่งมอบแก่กันได้โดยเฉพาะ ไม่ใช่สิทธิซึ่งมีตราสารจึงไม่เป็นการจำนำสิทธิซึ่งมีตราสารตาม ป.พ.พ. มาตรา 750 ผู้ร้องจะอ้างบุริมสิทธิจำนำมาบังคับเหนือทรัพย์สินตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 ไม่ได้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการอายัดเงินฝากของจำเลย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๔,๗๔๕,๙๕๙ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี จากต้นเงินจำนวน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๔๑ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดอายัดทรัพย์สินของจำเลย เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินฝากของจำเลยซึ่งอยู่ในบัญชีธนาคารผู้ร้องจำนวน ๔,๑๙๙,๐๖๔.๐๘ บาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการอายัดเงินฝากของจำเลย
โจทก์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้เพิกถอนการอายัดเงินฝากออมทรัพย์ บัญชีธนาคารผู้ร้อง สาขาเพชรบุรี บัญชีเลขที่ ๗๙ – ๑๑ – ๐๐๕๖๑ – ๑ ชื่อบัญชี เจ้าสำราญ ซันไลต์ หักฝากค้ำโครงการ ๑๐ % ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยทำหนังสือสัญญาค้ำประกันกับผู้ร้องไว้ตามเอกสารหมาย ร. ๕ โดยมีสาระสำคัญตามสัญญาข้อที่ ๖ ว่า จำเลยสัญญาว่าจะฝากเงินประเภทฝากออมทรัพย์กับผู้ร้อง ตามบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ ๗๙ – ๑๑ – ๐๐๕๖๑ – ๑ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑ ปี เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ของผู้กู้ทุกราย เป็นจำนวนเงินในอัตราร้อยละ ๑๐ ของต้นเงินที่ผู้กู้แต่ละรายกู้ไปจากผู้ร้อง และจำเลยยอมให้ผู้ร้องหักเงินจำนวนนี้เพื่อชำระหนี้เมื่อผู้กู้รายหนึ่งรายใดหรือทั้งหมดทุกรายผิดสัญญากับผู้ร้อง… และข้อ ๗ ว่า เพื่อเป็นหลักประกันตามสัญญา จำเลยยอมมอบสมุดคู่ฝากออมทรัพย์ตามข้อ ๖ ให้ผู้ร้องยึดถือตลอดไปจนกว่าผู้ร้องจะได้รับชำระหนี้จากผู้กู้ครบถ้วน และตกลงยินยอมให้ผู้ร้องหักเงินจากบัญชีออมทรัพย์ดังกล่าวชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น… มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิขอให้เพิกถอนการอายัดเงินฝากหรือไม่ เห็นว่า สำหรับเงินฝากตามบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ที่จำเลยที่ฝากไว้กับผู้ร้องนั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องมาตั้งแต่มีการฝากเงินแล้ว จำเลยผู้ฝากคงมีเพียงสิทธิที่จะถอนเงินที่ฝากไปได้และผู้ร้องมีหน้าที่ต้องคืนเงินที่ขอถอนเท่านั้น จึงมิใช่การส่งมอบสังหาริมทรัพย์ของจำเลยให้แก่ผู้ร้องตามลักษณะจำนำแต่อย่างใด กรณีมิใช่จำนำเงินฝาก ส่วนสมุดคู่ฝากออมทรัพย์ที่จำเลยมอบไว้แก่ผู้ร้องก็เป็นเพียงการตกลงมอบสิทธิที่จะได้รับเงินฝากคืนให้ไว้แก่โจทก์เพื่อประกันหนี้ของผู้กู้ทุกราย ทั้งสิทธิดังกล่าวก็เป็นสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีรูปร่างอันจะส่งมอบแก่กันได้ โดยเฉพาะไม่ใช่สิทธิซึ่งมีตราสารตามกฎหมาย จึงไม่เป็นการจำนำสิทธิซึ่งมีตราสารตาม ป.พ.พ. มาตรา ๗๕๐ ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยจำนำเงินฝากหรือจำนำสิทธิซึ่งมีตราสารไว้แก่ผู้ร้องดังที่วินิจฉัยมาแล้ว ผู้ร้องจะอ้างบุริมสิทธิจำนำมาบังคับเหนือทรัพย์สินตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๘๗ ไม่ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการอายัดเงินฝาก ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษายกคำร้อง ชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาเป็นพับ.

Share