คำสั่งคำร้องที่ 202/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงซึ่งนำไปสู่ข้อกฎหมาย จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยประเด็นที่ว่า การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ จำเลยได้ระบุเหตุผลการเลิกจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ มาตรา 17 วรรคสามและมาตรา 119(5) แล้วหรือไม่นั้น เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 50)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าชดเชยจำนวน 96,000 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 11 มิถุนายน2544) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่น นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 46)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 47)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2544นางสาวปราณีบวรวัฒนาวานิช รักษาการผู้จัดการฝ่ายบุคคลของจำเลยมีหนังสือถึงนายโอฮาเนสอโกเปี้ยนหรือนายโฮวิค ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยขออนุมัติเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์ละทิ้งหน้าที่และขาดงานติดต่อกัน 5 วันโดยมิแจ้งเหตุนายโอฮาเนสอโกเปี้ยนหรือนายโฮวิค อนุมัติให้เลิกจ้างโจทก์ได้ตามเอกสารหมาย ล.3จำเลยได้มีหนังสือประกาศเลิกจ้างโจทก์โดยมิได้ระบุเหตุผลแห่งการเลิกจ้างตามเอกสารหมาย ล.4 การที่จำเลยอุทธรณ์ ข้อ 2 ความว่า หนังสือขออนุมัติเลิกจ้างซึ่งนายโอฮาเนสอโกเปี้ยน กรรมการของจำเลยได้ลงนามประทับตราสำคัญของจำเลยอนุมัติการเลิกจ้างตามเอกสารหมาย ล.3 เป็นหนังสือเลิกจ้างและได้ระบุสาเหตุแห่งการเลิกจ้างซึ่งเป็นความผิดของโจทก์ไว้ชัดแจ้งแล้วนั้น จึงเป็นอุทธรณ์ที่โต้แย้งดุลพินิจของศาลแรงงานกลางในการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share