คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้เหล็กขูดชาร์ฟแทงทำร้ายผู้เสียหาย มีบาดแผลที่เหนือสะดือและเหนือราวนมขวาไม่ปรากฏว่ามีส่วนลึกเข้าภายใน และขนาดบาดแผลยาวเพียง 0.7 เซนติเมตรเท่านั้นอาจเป็นได้ที่จำเลยแทงปัดป่ายไปมาในระยะห่างปลายเหล็กขูดชาร์ฟเฉี่ยวถูกผู้เสียหาย ผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 8 วัน กลับไปรักษาต่อที่บ้านอีก 20 วัน ระหว่างรักษาตัวที่บ้าน ผู้เสียหายสามารถไปโรงเรียนได้โดยการโดยสารรถเมล์ประจำทาง คำเบิกความของแพทย์ผู้ชันสูตรว่า บาดแผลอาจจะหายก่อน 20 วันได้ ดังนี้คดีไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยคงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา295

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพกพาเหล็กขูดชาร์ฟ 1 อันไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และได้ใช้เหล็กขูดชาร์ฟดังกล่าวแทงตรงบริเวณหน้าอกและท้องผู้เสียหายหลายทีโดยเจตนาฆ่า จำเลยกระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุเพราะผู้เสียหายหลบหลีกขณะถูกแทงและได้รับการรักษาพยาบาลทันท่วงที จึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371,80 และริบของกลาง

จำเลยให้การว่า กระทำไปเพื่อป้องกันตัว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 ให้จำคุก 10 ปี และฐานพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควรตามมาตรา 371 ให้ปรับ 100 บาท

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ผู้เสียหายใช้มีดดาบฟันทำร้ายจำเลยก่อน แล้วถูกพวกของผู้เสียหายรุมทำร้ายด้วย ที่จำเลยใช้เหล็กขูดชาร์ฟแทงผู้เสียหายเป็นการป้องกันตัวและพอสมควรแก่เหตุ พิพากษาแก้ เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ ข้อหาฐานพยายามฆ่าผู้อื่น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยใช้เหล็กขูดชาร์ฟแทงผู้เสียหายฝ่ายเดียว มิใช่เป็นเรื่องป้องกันตัวตามกฎหมาย ส่วนที่ว่า จำเลยกระทำโดยมีเจตนาฆ่าหรือไม่นั้น เห็นว่าจำเลยกับผู้เสียหายไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน เหตุที่ผู้เสียหายถูกจำเลยทำร้ายก็เพราะร้องท้าจำเลย ตามลักษณะบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับมี 4 แห่ง คือที่เหนือสะดือประมาณ 5 เซนติเมตร แผลเป็นรูปสามแฉก ยาวแฉกละ0.7 เซนติเมตร ที่เหนือราวนมขวาแผลเป็นรูปสามแฉกยาวแฉกละ 0.7 เซนติเมตรที่ต้นแขนขวาแผลยาว 2.5 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร และที่นิ้วกลางเท้าขวาแผลเป็นรูปสามแฉกยาวแฉกละ 0.7 เซนติเมตร ผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 8 วัน กลับไปรักษาต่อที่บ้านอีกประมาณ 20 วัน ระหว่างรักษาตัวที่บ้านผู้เสียหายสามารถไปโรงเรียนได้โดยการโดยสารรถเมล์ประจำทาง คำเบิกความของแพทย์ผู้ชันสูตรว่า บาดแผลอาจจะหายก่อน 20 วันได้ทั้งบาดแผลที่เหนือสะดือและเหนือราวนมขวา ไม่ปรากฏว่ามีส่วนลึกเข้าภายใน และขนาดบาดแผลยาวเพียง 0.7 เซนติเมตรเท่านั้น เหล็กขูดชาร์ฟเป็นอาวุธมีคมปลายแหลมอาจเป็นได้ที่จำเลยถือเหล็กขูดชาร์ฟแทงปัดป่ายไปมาในระยะห่าง แล้วปลายเหล็กขูดชาร์ฟเฉี่ยวถูกผู้เสียหาย แสดงว่าไม่ตั้งใจแทงให้ตาย โดยพฤติการณ์จากการกระทำของจำเลยประกอบกับลักษณะบาดแผลคดีไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย แต่ฟังได้ว่ามีเจตนาทำร้าย บาดแผลที่เกิดจากการทำร้ายไม่ถึงเป็นอันตรายสาหัส ผู้เสียหายสามารถไปไหนมาไหนประกอบกรณียกิจตามปกติได้ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295

พิพากษาแก้ ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี เหล็กขูดชาร์ฟของกลางใช้ในการกระทำผิดให้ริบ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share