คำสั่งคำร้องที่ 2790/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษา ที่พิจารณาในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งว่า ไม่มีเหตุจะรับรองฎีกายกคำร้อง และสั่งฎีกาว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้าม อุทธรณ์ (ที่ถูกน่าจะเป็นฎีกา) ส่วนปัญหาข้อกฎหมายนั้น ก็ไม่เป็นสาระแก่คดี ไม่รับฎีกา จำเลยเห็นว่า คำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ของศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อน สมควรส่งคำร้องให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งอีกครั้งหนึ่ง ส่วนฎีกาที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และจำเลยไม่ได้ออกเช็คเพื่อชำระหนี้โจทก์ เพราะโจทก์กับจำเลยไม่มีมูลหนี้ต่อกันนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับวินิจฉัย โปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้น ส่งสำนวนไปให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงและรับฎีกาปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม เรียงกระทงลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 กระทงแรกจำคุก 4 เดือน กระทงที่สองจำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 5 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต และมีคำสั่งไม่รับฎีกา ดังกล่าว (อันดับ 98,97) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 99)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า เมื่อผู้พิพากษา ศาลชั้นต้นไม่รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ก็ควรส่งคำร้อง ของจำเลยไปให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งอีกครั้งหนึ่ง นั้น เห็นว่า คำร้องของ จำเลยระบุว่า ขอให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น หรือศาลอุทธรณ์ที่ได้ร่วมพิจารณาคดีนี้รับรองให้จำเลยฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ตามคำร้องของ จำเลยแสดงว่า จำเลยประสงค์ให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์คนใดคนหนึ่งเป็นผู้สั่งคำร้องของ จำเลย เมื่อผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสั่งไม่รับรองให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแล้ว คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นไปตาม คำร้องของ จำเลยและเป็นที่ยุติแล้ว จำเลยจะฎีกาคำสั่งดังกล่าว อีกไม่ได้ ส่วนฎีกาของจำเลยในข้อ 2.1 นั้น เป็นฎีกาดุลพินิจ ในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยข้อนี้ชอบแล้ว สำหรับฎีกาของจำเลยในข้อ 2.2 จำเลยฎีกาว่า คำบรรยายฟ้อง ของโจทก์ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จึงให้รับฎีกาของจำเลยเฉพาะ ข้อ 2.2 ไว้พิจารณา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป

Share