แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสามบัญญัติว่า “จำเลยจะฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้ แต่ถ้าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแล้ว ให้ศาลสั่งให้จำเลยฟ้องเป็นคดีต่างหาก” บทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจจำเลยจะฟ้องโจทก์มาในคำให้การได้ ถ้าคำฟ้องแย้งเกี่ยวข้องกับคำฟ้องเดิมเท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟ้องแย้งเข้ามาในคำให้การ โจทก์ก็คือจำเลยในฟ้องแย้งคดีตามฟ้องแย้งจึงมีคู่ความครบถ้วนที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องเดิมคงมีผลเฉพาะคดีโจทก์ว่าไม่มีฟ้องเดิมที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเท่านั้นหามีผลให้ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตกไปด้วยไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อ และจำเลยที่ 2 กับที่ 3 ผู้ค้ำประกันร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ หากส่งคืนไม่ได้ให้ร่วมกันใช้ราคาแทน กับให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยจนกว่าจำเลยทั้งสามจะคืนรถหรือใช้ราคาแก่โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การ แก้ไขคำให้การ ฟ้องแย้งและแก้ไขฟ้องแย้งว่า โจทก์ยึดรถที่เช่าซื้อคืนไปแล้วโดยมิชอบกับมีทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ติดไปด้วยขอให้ยกฟ้อง และให้โจทก์คืนรถที่เช่าซื้อแก่จำเลยที่ 1 หากคืนไม่ได้ให้ใช้ค่าเสียหายและคืนทรัพย์สินแก่จำเลยที่ 2 หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา
ระหว่างพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสามอ้างว่า ยึดรถที่ให้เช่าซื้อคืนมาแล้ว และสงวนสิทธิที่จะดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายตามกฎหมายต่อไป จำเลยที่ 1 และที่ 2 คัดค้าน
ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 อนุญาตให้ถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 เท่านั้น จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 3 ออกจากสารบบความ
โจทก์ให้การและแก้ไขคำให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ยึดรถที่ให้เช่าซื้อคืนได้เพราะจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ กรณีจึงไม่เป็นละเมิดแก่จำเลยทั้งสาม และโจทก์สามารถนำรถออกประมูลขายได้ ทั้งจำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิฟ้องแย้งขอให้คืนทรัพย์สินเพราะไม่มีทรัพย์สินใดติดไปกับรถดังกล่าว ขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 และต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 อีกครั้ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ ให้จำหน่ายคดีจำเลยที่ 1 และที่ 2 ออกจากสารบบความ เมื่ออนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องเดิมแล้ว ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมตกไปด้วย คืนค่าขึ้นศาลตามระเบียบ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งได้รับอนุญาตจากศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคมีเพียงว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ถอนฟ้อง คำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตกไปหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม บัญญัติว่า “จำเลยจะฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้ แต่ถ้าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแล้ว ให้ศาลสั่งให้จำเลยฟ้องเป็นคดีต่างหาก” บทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจจำเลยจะฟ้องโจทก์มาในคำให้การได้ ถ้าคำฟ้องแย้งเกี่ยวข้องกับคำฟ้องเดิมเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟ้องแย้งเข้ามาในคำให้การ โจทก์ก็คือจำเลยในฟ้องแย้งคดีตามฟ้องแย้งจึงมีคู่ความครบถ้วนที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องเดิมคงมีผลเฉพาะคดีโจทก์ว่าไม่มีฟ้องเดิมที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเท่านั้นหามีผลให้ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตกไปด้วยไม่ ฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟังขึ้น
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 9 แผนกคดีผู้บริโภค ในส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องแย้ง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับคำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่อไป และมีคำพิพากษาตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ