แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ที่2มีชื่อในโฉนดที่ดินผู้เดียวแต่เป็นการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแทนโจทก์ที่1ซึ่งโจทก์ที่1ครอบครองเป็นสัดส่วนแล้วโจทก์ที่2จึงไม่มีสิทธิที่จะขายที่ดินพิพาทให้จำเลยการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์ที่2กับจำเลยเป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ที่1ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของโจทก์ที่1ได้อยู่ก่อนแล้วแม้จำเลยได้รับโอนโดยมีค่าตอบแทนแต่กระทำการโดยไม่สุจริตโจทก์ที่1ย่อมเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินพิพาทนั้นได้ คำฟ้องระบุเลขที่ของโฉนดผิดพลาดไปไม่ตรงกับเลขที่โฉนดในภาพถ่ายเอกสารท้ายฟ้องซึ่งเป็นโฉนดเลขที่39533จำเลยมิได้หลงต่อสู้ทั้งยังแนบภาพถ่ายโฉนดเลขที่39533มาท้ายคำให้การการที่ศาลอุทธรณ์ภาค1ระบุเลขที่โฉนดที่ให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนเป็นโฉนดเลขที่35933ทั้งที่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค1ในส่วนอื่นๆก็ระบุเป็นที่ดินโฉนดเลขที่39533ดังนี้ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าวให้ถูกต้องได้แม้ไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินบางส่วนของที่ดินโฉนดเลขที่ 39533 ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือขอนแก่นจังหวัดขอนแก่น ตามภาพถ่ายโฉนดท้ายฟ้อง อยู่ทางทิศตะวันออกเนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวามีชื่อโจทก์ที่ 2เป็นผู้ถือครองโฉนดไว้แทน ต่อมาโจทก์ที่ 2 ขายที่ดินของโจทก์ที่ 2 เนื้อที่ 2 ไร่ ทางทิศตะวันตกให้แก่จำเลย โจทก์ที่ 2สำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม ทำสัญญาซื้อขายรวมที่ดินของโจทก์ที่ 1 เข้าไปด้วย โดยโจทก์ที่ 1 มิได้รู้เห็นยินยอมด้วยนิติกรรมดังกล่าวเป็นโมฆะ ทำให้โจทก์ที่ 1 ซึ่งมีสิทธิจดทะเบียนสิทธิได้ก่อนเสียเปรียบ และถือว่าจำเลยกระทำการไม่สุจริต ขอให้พิพากษาเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเฉพาะส่วนของโจทก์ที่ 1 และให้โจทก์จำเลยแบ่งแยกโอนที่ดินคืนโจทก์ที่ 1 มิฉะนั้นให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยให้การว่า จำเลยซื้อที่ดินโฉนดตามฟ้องทั้งแปลงจากโจทก์ที่ 2 โดยสุจริต และด้วยความสมัครใจของโจทก์ที่ 2ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดดังกล่าวระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลย เฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้จำเลยแบ่งแยกโอนที่ดินดังกล่าวคืนให้โจทก์ หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลย
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจยว่า การที่โจทก์ที่ 2 ซึ่งมีชื่อในโฉนดที่ดินผู้เดียวเป็นการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแทนโจทก์ที่ 1ซึ่งโจทก์ที่ 1 ครอบครองเป็นสัดส่วนแล้วนั้น โจทก์ที่ 2จึงไม่มีสิทธิที่จะขายที่ดินพิพาทให้จำเลย การจดทะเบียนซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลยเป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ที่ 1 ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของโจทก์ที่ 1ได้อยู่ก่อนแล้ว แม้จำเลยได้รับโอนโดยมีค่าตอบแทนแต่กระทำการโดยไม่สุจริต โจทก์ที่ 1 ย่อมเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินพิพาทนั้นได้
คำฟ้องระบุเลขที่โฉนดผิดพลาดไปไม่ตรงกับเลขที่โฉนดในภาพถ่ายเอกสารท้ายฟ้อง ซึ่งเป็นโฉนดเลขที่ 39533จำเลยมิได้หลงต่อสู้ทั้งยังแนบภาพถ่ายโฉนดดังกล่าวมาท้ายคำให้การการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ระบุเลขที่โฉนดที่ให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนเป็นโฉนดเลขที่ 35933 ทั้งที่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ในส่วนอื่น ๆ ก็ระบุเป็นที่ดินโฉนดเลขที่39533 ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าวให้ถูกต้องได้ แม้ไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 39533 ระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลย เฉพาะส่วนทางด้านทิศตะวันออกซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 เสียให้จำเลยแบ่งแยกโอนที่ดินดังกล่าวคืนให้โจทก์ที่ 1