คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1659/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองทางเข้าออกหมู่บ้านอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ตั้งอยู่ที่ตำบลและอำเภอใด โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นทางเข้าออกทางทิศใดของหมู่บ้าน ย่อมชัดเจนเพียงพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158 (5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อระหว่างต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ เวลากลางวันติดต่อกันตลอดมาจนถึงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้บุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองทางเข้าออกหมู่บ้าน หมู่ที่ ๔ ตำบลเจ้าเสด็จ อำเภอเสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อันเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช่ร่วมกัน แล้วปลูกสร้างโรงเรือนที่อยู่อาศัยของจำเลยรุกล้าเข้าไปในทางสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าว เป็นเนื้อที่ ๑๑.๓๘ ตารางเมตรโดยไม่มีสิทธิครอบครองตามกฎหมาย และมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๖ เวลากลางวัน จำเลยทราบคำสั่งของนายอำเภอเสนาซึ่งเป็นเจ้าพนักงานสั่งจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างโรงเรือนที่ปลูกรุกล้ำดังกล่าวออกไปจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีเหตุอันสมควร เหตุเกิดที่ตำบลเจ้าเสด็จ อำเภอเสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙, ๑๐๘ ทวิประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ ข้อ ๑๑ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๘, ๙๑ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔ ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๙, ๑๐๘ ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ (ที่ถูก ๒๕๑๕) ข้อ ๑๑ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๘, ๙๑ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔ ให้เรียงกระทงลงโทษฐานบุกรุกจำคุก ๒ เดือน ปรับ ๒,๐๐๐ บาท ฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานปรับ๕๐๐ บาท รวมจำคุก ๒ เดือน ปรับ ๒,๕๐๐ บาท รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปีไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินสาธารณะด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์สมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่พิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองทางเข้าออกหมู่บ้าน หมู่ที่ ๔ ตำบลเจ้าเสด็จ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอันเป็นที่ดินของรัฐซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ศาลฎีกาเห็นว่า คำบรรยายฟ้องดังกล่าวชัดเจนแล้วว่าที่ดินที่จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกสร้างโรงเรือน ตั้งอยู่ที่ตำบลใดอำเภอใด พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือหลงต่อสู้คดี หาจำต้องระบุว่าเป็นทางเข้าออกทางทิศตะวันออกหรือตะวันตกดังที่จำเลยฎีกามาไม่ ดังนี้ถือได้ว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วย ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕) ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share