คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2846/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สำเนาเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้อง ซึ่งโจทก์ใช้เป็นหลักฐานในการนำยึดที่ดินพิพาทและนำออกขายทอดตลาดไม่ปรากฏว่ามีรายการจำนอง เพราะจำเลยที่ 1 นำที่ดินพิพาทไปจำนองธนาคารหลังการคัดสำเนา แต่เป็นเวลาก่อนนำยึดเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาทแบบไม่มีภาระผูกพัน ผู้ร้องประมูลซื้อได้ในราคาสูงกว่าราคาประเมินของทางราชการ 3-7 เท่า โดยผู้ร้องไม่ทราบเรื่องที่ดินพิพาทติดจำนองมาก่อน และเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินตามสำเนา น.ส.3 ก. โดยไม่ติดจำนองและศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทรัพย์แล้วแม้การขายทอดตลาดนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 308 ให้ปฏิบัติตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 510กล่าวคือ ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ซื้อทรัพย์ต้องทำตามคำโฆษณาบอกขายและตามความข้ออื่น ๆ ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แถลงก่อนเผดิมการสู้ราคาก็ตาม แต่การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาทโดยไม่ติดจำนอง คำประกาศดังกล่าวย่อมผูกพันเฉพาะเจ้าพนักงานบังคับคดี และไม่ใช่หน้าที่ของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องไปตรวจสอบว่าที่ดินพิพาทติดจำนองหรือไม่ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพิพาทตามสำเนา น.ส.3 ก. ซึ่งไม่มีรายการจดทะเบียนจำนอง เป็นการสั่งโดยผิดหลง และเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่จะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมในการบังคับคดีเมื่อศาลเห็นสมควรก็มีอำนาจที่สั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์นี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคแรก

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินพิพาท 8 แปลง ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 300, 301, 302, 306, 309, 310, 311, 312ตำบลเมืองศรีไค อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานีของจำเลยที่ 1 แก่ผู้ร้อง และผู้ร้องชำระราคาครบถ้วนแล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาทโดยไม่ปรากฏรายการจำนอง หลังชำระเงินเสร็จผู้ร้องได้นำหนังสือของศาลชั้นต้นไปยื่นขอจดทะเบียนรับโอนสิทธิครอบครองต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จึงทราบว่าที่ดินพิพาทติดจำนองกับธนาคารเอเซีย จำกัด สาขาอุบลราชธานีโดยมีการจำนองไว้ก่อนการยึดทรัพย์ เป็นการผิดเงื่อนไขตามประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดีทำให้ผู้ร้องเสียหาย ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดและสั่งให้คืนเงินค่าซื้อที่ดินพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ผู้ร้อง
จำเลยที่ 1 และเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่คัดค้าน
โจทก์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นตรวจสำนวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดใหม่และให้โจทก์กับจำเลยที่ 1 คืนเงินที่ได้รับไปจากเจ้าพนักงานบังคับคดีตามบัญชีแสดงรายการรับ-จ่ายเงินครั้งที่ 1พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินแต่ละจำนวนนั้นนับแต่วันที่มีการอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1แก่ผู้ร้อง กับคืนเงินค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดให้ผู้ร้องด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาข้อแรกว่า โจทก์ไม่ได้ดำเนินการบังคับคดีผิดระเบียบ ผู้ซื้อทรัพย์ต้องเป็นฝ่ายตรวจสอบเองว่าถูกต้องตามที่ประกาศหรือไม่ ข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1วินิจฉัยว่า สำเนาเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้อง ซึ่งโจทก์ใช้เป็นหลักฐานในการนำยึดที่ดินพิพาทและนำออกขายทอดตลาดนั้นไม่ปรากฏว่ามีรายการจำนองเพราะจำเลยที่ 1 นำที่ดินพิพาทไปจำนองธนาคารหลังการคัดสำเนา แต่เป็นเวลาก่อนนำยึดจึงประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาทแบบไม่มีภาระผูกพัน ผู้ร้องประมูลซื้อได้ในราคาสูงกว่าราคาประเมินของทางราชการ 3-7 เท่า โดยผู้ร้องไม่ทราบเรื่องที่ดินพิพาทติดจำนองมาก่อน และข้อเท็จจริงฟังได้ตามหนังสือที่ ยธ.0415.04/3598 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2539ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินตามสำเนาน.ส.3 ก. โดยไม่ติดจำนอง เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทรัพย์แล้ว การขายทอดตลาดนั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 308 ให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กล่าวคือผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ซื้อทรัพย์ต้องทำตามคำโฆษณาบอกขายและตามความข้ออื่น ๆ ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แถลงก่อนผะเดิมการสู้ราคาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 510 ฉะนั้น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาทโดยไม่ติดจำนองคำประกาศดังกล่าวย่อมผูกพันเจ้าพนักงานบังคับคดี ไม่ใช่หน้าที่ของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องไปตรวจสอบว่าที่ดินพิพาทติดจำนองหรือไม่คำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์อ้างมานั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้
โจทก์ฎีกาต่อไปว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้เพิกถอนการขายทอดตลาดไม่ชอบ เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพิพาทตามสำเนา น.ส.3 ก. ซึ่งไม่มีรายการจดทะเบียนจำนองเป็นการสั่งโดยผิดหลงและเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในข้อที่จะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมในการบังคับคดีเมื่อศาลเห็นสมควรก็มีอำนาจที่สั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคแรก
พิพากษายืน

Share