คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6938/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอกสารซึ่งมิได้ปิดอากรแสตมป์มาแต่ต้น เมื่อต่อมาได้ปิดให้ถูกต้องก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา ก็ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้โดยไม่จำต้องเสียอากรเพิ่มก่อน เพราะตามมาตรา 118 แห่งประมวลรัษฎากรตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับคู่ฉบับ คู่ฉีกหรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้และขีดฆ่าแล้ว แต่ทั้งนี้ไม่เป็นการเสื่อมสิทธิที่จะเรียกเงินเพิ่มอากรตามมาตรา 113 และมาตรา 114 ฉะนั้น การที่จะต้องรับผิดเสียอากรเพิ่มขึ้นจึงเป็นส่วนหนึ่งต่างหากไม่กระทบกระทั่งถึงการที่จะรับฟังตราสารนั้นแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 461/34 พร้อมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารทั้งหมดออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 4686 ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ2,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนถึงวันขนย้ายออก

จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า เอกสารหมาย ล.1 มิได้ติดอากรแสตมป์เสียให้ครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมาย แต่เพิ่งมาขออนุญาตติดในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล โดยมิได้ให้กรมสรรพากรปรับและติดอากรย่อมไม่เป็นเอกสารพยานที่ศาลจะรับฟังมาเป็นพยานหลักฐานในคดีได้นั้นเห็นว่า เอกสารหมาย ล.1 ซึ่งมิได้ปิดอากรแสตมป์มาแต่ต้น เมื่อต่อมาได้ปิดให้ถูกต้องก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา ก็ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้ ไม่จำต้องเสียอากรเพิ่มก่อนดังโจทก์อ้าง เพราะตามมาตรา 118 แห่งประมวลรัษฎากรบัญญัติว่า “ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีกหรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้และขีดฆ่าแล้วแต่ทั้งนี้ไม่เป็นการเสื่อมสิทธิที่จะเรียกเงินเพิ่มอากรตามมาตรา 113 และมาตรา 114″ฉะนั้นการที่จะต้องรับผิดเสียอากรเพิ่มขึ้นจึงเป็นส่วนหนึ่งต่างหาก ไม่กระทบกระทั่งถึงการที่จะรับฟังตราสารนั้นแต่อย่างใด

พิพากษายืน

Share