คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่ผู้คัดค้านเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ผู้ร้องนั้นศาลได้พิพากษาถึงที่สุดแล้วโดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382คำพิพากษาดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันผู้ร้องและผู้คัดค้านตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145วรรคหนึ่งเมื่อคู่ความแถลงรับว่าที่ดินพิพาทในคดีนี้และคดีก่อนเป็นที่ดินแปลงเดียวกันและมีจำนวนเนื้อที่ประมาณ2ไร่เท่ากันดังนั้นผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเนื้อที่ประมาณ2ไร่

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 5478ตำบลศาลาแดง อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง บางส่วนเป็นเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า 10 ปี ไม่เคยมีผู้โต้แย้งคัดค้าน แม้เมื่อปี 2529นายสันติ นวนพรัตนสกุล ผู้รับโอนที่ดินดังกล่าวทั้งแปลงโดยเสน่หาจะฟ้องขับไล่ผู้ร้อง แต่ศาลฎีกาก็พิพากษาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1897/2535ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 5478 ตำบลศาลาแดง อำเภอเมืองอ่างทองจังหวัดอ่างทอง ในส่วนเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ที่ผู้ร้องครอบครอง
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 5478 ตำบลศาลาแดง อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทองเนื้อที่ 24 ไร่ 2 งาน 28 ตารางวา โดยเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2523ผู้คัดค้านได้รับโอนมาจากนางพงษ์ศักดิ์ นวนพรัตนสกุล ผู้คัดค้านเคยฟ้องขับไล่ผู้ร้องให้รื้อถอนโรงเรือนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินดังกล่าว ส่วนที่ผู้ร้องอาศัยปลูกบ้านในเนื้อที่ 66 ตารางวาที่ศาลฎีกาฟังว่าผู้ร้องครอบครองที่ดินโดยปรปักษ์และพิพากษายกฟ้องนั้น หมายถึงที่ดิน 66 ตารางวา เท่านั้น จึงไม่อาจนำคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวมาอ้างในคดีนี้เพราะผู้ร้องมิได้ฟ้องแย้งไว้และศาลฎีกาพิพากษาเกินคำขอผู้คัดค้านได้ครอบครองที่ดินมาโดยตลอดผู้ร้องอาศัยปลูกบ้านในส่วนเนื้อที่ 66 ตารางวา เท่านั้นไม่เคยแสดงเจตนายึดถือที่ดินเป็นของตน
ก่อนสืบพยานผู้ร้อง คู่ความแถลงรับว่า ที่ดินพิพาทในคดีนี้และในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 680/2530 ของศาลชั้นต้น ระหว่างนายสันติ นวนพรัตนสกุล โจทก์ นายธงชัย มีศิริ จำเลยเป็นที่ดินแปลงเดียวกันและมีจำนวนเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ เท่ากับตามแผนที่พิพาทหมาย ล.6 ในสำนวนคดีดังกล่าวซึ่งได้ทำไว้ถูกต้องและมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่30 มกราคม 2538 ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดสืบพยานผู้ร้องและผู้คัดค้าน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 5478 ตำบลศาลาแดงอำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ในกรอบเส้นดำหมายสีแดงตามแผนที่พิพาทหมาย ล.6 ในสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 680/2530 ของศาลชั้นต้น ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายธงชัย มีศิริ ผู้ร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382
ผู้คัดค้าน อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้คัดค้าน ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า ผู้คัดค้านเคยฟ้องขับไล่ผู้ร้องให้ออกจากที่ดินพิพาทผู้ร้องต่อสู้กรรมสิทธิ์คดีถึงที่สุดแล้ว โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1897/2535 มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินจำนวนเนื้อที่เท่าใด เห็นว่า ในคดีที่ผู้คัดค้านเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ผู้ร้องนั้นศาลได้พิพากษาถึงที่สุดแล้วโดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382คำพิพากษาดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันผู้ร้องและผู้คัดค้าน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่งเมื่อคู่ความแถลงรับว่า ที่ดินพิพาทในคดีนี้และคดีก่อนเป็นที่ดินแปลงเดียวกันและมีจำนวนเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ เท่ากัน ตามแผนที่พิพาทหมาย ล.6 ในสำนวนคดีก่อน ดังนั้น ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ หาใช่เนื้อที่ 66 ตารางวา ดังที่ผู้คัดค้านฎีกาไม่
พิพากษายืน

Share