แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลแรงงานวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่ารายรับของจำเลยเป็นวิธีแสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจวิธีหนึ่ง ในแต่ละปีจำเลยมีกำไรจัดแบ่งโบนัสให้แก่โจทก์และพนักงานคนอื่นจำเลยอุทธรณ์ว่ารายรับของจำเลยไม่มีกำไร จึงเป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่าเอกสารหมาย ล.3 เป็นเพียงซีด้าหารือมาเพื่อให้จำเลยหาทางลดจำนวนพนักงานลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในปีต่อไปเท่านั้นหลังจากที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์แล้ว จำเลยก็ยังประกาศรับสมัครพนักงานอื่นอีกและได้เปลี่ยนวิธีการเป็นจ้างนิติบุคคลมาทำงานแทน จำเลยเลิกจ้างโจทก์ก่อนครบกำหนดตามสัญญา ทำให้โจทก์มีปัญหาในครอบครัวของโจทก์ที่ขาดรายได้ตามปกติ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ซึ่งโจทก์ยังมีสิทธิที่จะได้ทำงานตามสัญญาอีกมีระยะเวลาถึง7 เดือน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างมาก เพราะโจทก์หวังว่าจะได้ทำงานจนครบกำหนดตามสัญญาและเมื่อใกล้จะครบกำหนดตามสัญญาโจทก์จึงจะหางานใหม่ได้ทัน จำเลยทำสัญญาไว้กับโจทก์มีระยะเวลาที่แน่นอนและโจทก์มิได้กระทำความผิดที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับค่าเสียหายนั้น ศาลแรงงานวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า หน่วยงานการพัฒนาระหว่างประเทศของแคนาดา (CIDA) มีคำสั่งให้ลดพนักงานลงเนื่องจากโครงการของหน่วยงานการพัฒนาระหว่างประเทศของแคนาดา (CIDA) มีจำนวนลดลงจริง จำเลยจึงมีเหตุผลเพียงพอเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม โจทก์อุทธรณ์ว่าหน่วยงานการพัฒนาระหว่างประเทศแคนาดา (CIDA) เพียงแต่หารือมาให้จำเลยหาทางลดจำนวนพนักงานลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในปีต่อไปเท่านั้น จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมนั้นเป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน อุทธรณ์ของโจทก์และจำเลยจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยตั้งแต่วันที่1 เมษายน 2533 ในตำแหน่งผู้บริหารระบบแลน เมื่อวันที่31 สิงหาคม 2537 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์มิได้กระทำความผิด โจทก์ทำงานมาเป็นเวลา 4 ปี 5 เดือนมีสิทธิได้รับค่าชดเชยเป็นเวลา 180 วัน คิดเป็นเงิน206,208 บาท และค่าเสียหายอีกเป็นเงิน 240,576 บาทขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโครงการความร่วมมือทางเทคนิคแก่หน่วยงานการพัฒนาระหว่างประเทศแคนาดา (CIDA) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลแห่งประเทศแคนาดา ให้ความสนับสนุนทางเทคนิคตลอดจนให้คำปรึกษาและสนับสนุนทางการเงินแก่รัฐบาลไทยในแผนงานความร่วมมือในการพัฒนาระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลแคนาดา โดยมิได้มีวัตถุประสงค์แสวงกำไรในทางเศรษฐกิจ จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานจำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากจำเลยได้รับคำสั่งจากหน่วยงานการพัฒนาระหว่างประเทศของแคนาดา (CIDA) ให้ลดจำนวนพนักงานลง เพราะหน่วยงานดังกล่าวมีความจำเป็นต้องใช้บริการของจำเลยตามสัญญาระหว่างจำเลยกับรัฐบาลแห่งประเทศแคนาดาน้อยลงและจำเลยมิได้ว่าจ้างบุคคลอื่นให้เข้าทำงานแทนที่โจทก์จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยเป็นธรรม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ผู้ว่าจ้างโจทก์เป็นบริษัทเอกชนโดยเป็นการจอยเวนเจอร์ ระหว่างสองบริษัท คือเดอะเอสเอ็มอิงและโคจิซูลอิง โจทก์เคยได้รับเงินโบนัสตั้งแต่เข้าทำงานตลอดมาปีละ 1 เดือน เงินโบนัสจะจ่ายให้เมื่อบริษัทมีกำไรหากบริษัทไม่มีกำไรก็จะไม่จ่ายเงินโบนัสจำนวนนั้นให้ส่วนรายรับของจำเลยแม้จะไม่ได้เรียกเก็บค่าบริการแต่ก็อาจจะได้มาทางอื่น รายรับของจำเลยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากค่าใช้จ่ายของจำเลยที่ทำเบิกไปในแต่ละโครงการอยู่ระหว่าง1-60 เปอร์เซ็นต์ จำเลยมีรายรับคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากค่าใช้จ่ายที่ทำเบิกไปในแต่ละโครงการ รายรับดังกล่าวเป็นวิธีแสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจวิธีหนึ่งในแต่ละปีจำเลยย่อมมีกำไรพอสมควรจึงจัดแบ่งเป็นเงินโบนัสให้แก่โจทก์และพนักงานคนอื่น ๆ ได้ การจ้างงานระหว่างโจทก์จำเลยจึงอยู่ภายใต้บังคับกฎหมายแรงงานเหตุที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากเป็นการเลิกจ้างตามคำสั่งของหน่วยงานการพัฒนาระหว่างประเทศของแคนาดา(CIDA)เหตุที่จำเลยจะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47เมื่อโจทก์ทำงานกับจำเลยมาเป็นเวลาติดต่อกันครบสามปีขึ้นไปจำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์เป็นเวลา 180 วัน ตามข้อ 46(3)แต่หน่วยงานการพัฒนาระหว่างประเทศของแคนาดา (CIDA)มีคำสั่งให้ลดพนักงานลงตามเอกสารหมาย ล.3 เนื่องจากโครงการของหน่วยงานการพัฒนาระหว่างประเทศของแคนาดา (CIDA)มีจำนวนลดลง เหตุที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโครงการของแคนาดา (CIDA) มีจำนวนลดลงจริง การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงมีเหตุเพียงพอ เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 206,208 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวนับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเงินเสร็จสิ้นคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า สมควรวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยเสียก่อน จำเลยอุทธรณ์ว่า แม้จำเลยมีรายรับคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากค่าใช้จ่ายที่ทำเลิกไปในแต่ละโครงการก็ตาม การที่จำเลยมีรายรับดังกล่าวไม่อาจถือได้ว่าจำเลยมีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด เนื่องจากรายรับดังกล่าวนั้นคิดคำนวณจากค่าใช้จ่ายที่จำเลยเบิกไปจากโครงการพัฒนาระหว่างประเทศของประเทศแคนาดาหรือซีด้า (CIDA)ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าการที่จำเลยได้รับรายรับดังกล่าวนั้นเป็นการที่จำเลยแสวงหากำไรทางเศรษฐกิจนอกจากนี้รายรับดังกล่าวนั้นสำนักงานใหญ่ของจำเลยในประเทศแคนาดาเป็นผู้เรียกเก็บจากซีด้า ในประเทศแคนาดาโดยตรงโดยสำนักงานของจำเลยในประเทศไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และสำนักงานของจำเลยในประเทศไทยไม่มีรายรับใด ๆ นอกจากค่าใช้จ่ายที่ได้รับจากสำนักงานใหญ่ การที่จำเลยจ้างโจทก์มาทำงานในสำนักงานของจำเลยในประเทศไทยจึงเป็นการจ้างงานที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงกำไรในทางเศรษฐกิจ การที่ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่าการที่จำเลยจ่ายโบนัสให้แก่พนักงานแสดงว่าจำเลยมีกำไรเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้นำสืบต่อศาล นอกจากนี้ที่จำเลยจ่ายโบนัสให้แก่พนักงานของจำเลยนั้นไม่อาจถือได้ว่าจำเลยมีกำไรแต่อย่างใด การที่ศาลรับฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีกำไรในการดำเนินการทำให้ถือได้ว่าจำเลยมีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไรทางเศรษฐกิจเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นตามกฎหมายนั้นพิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่ารายรับของจำเลยเป็นวิธีแสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจวิธีหนึ่ง ในแต่ละปีจำเลยมีกำไรจัดแบ่งโบนัสให้แก่โจทก์และพนักงานคนอื่น จำเลยอุทธรณ์ว่ารายรับของจำเลยไม่มีกำไร จึงเป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า เอกสารหมาย ล.3 เป็นเพียงซีด้าหารือมาเพื่อให้จำเลยหาทางลดจำนวนพนักงานลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในปีต่อไปเท่านั้น หลังจากที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์แล้วจำเลยก็ยังประกาศรับสมัครพนักงานอื่นอีกและได้เปลี่ยนวิธีการเป็นจ้างนิติบุคคลมาทำงานแทนจำเลยเลิกจ้างโจทก์ก่อนครบกำหนดตามสัญญาทำให้โจทก์มีปัญหาในครอบครัวของโจทก์ที่ขาดรายได้ตามปกติ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ซึ่งโจทก์ยังมีสิทธิที่จะได้ทำงานตามสัญญาอีกมีระยะเวลาถึง 7 เดือนทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างมาก เพราะโจทก์หวังว่าจะได้ทำงานจนครบกำหนดตามสัญญาและเมื่อใกล้จะครบกำหนดตามสัญญาโจทก์จึงจะหางานใหม่ได้ทัน จำเลยทำสัญญาไว้กับโจทก์มีระยะเวลาที่แน่นอนและโจทก์มิได้กระทำความผิด ที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 240,576 บาท นั้นศาลแรงงานกลางวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า หน่วยงานการพัฒนาระหว่างประเทศของแคนาดา (CIDA) มีคำสั่งให้ลดพนักงานลงเนื่องจากโครงการของหน่วยงานการพัฒนาระหว่างประเทศของแคนาดา (CIDA) มีจำนวนลดลงจริงจำเลยจึงมีเหตุผลเพียงพอเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม โจทก์อุทธรณ์ว่าหน่วยงานการพัฒนาระหว่างประเทศแคนาดา (CIDA)เพียงแต่หารือมาให้จำเลยหาทางลดจำนวนพนักงานลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในปีต่อไปเท่านั้น จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมนั้น เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน อุทธรณ์ของโจทก์และจำเลยจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์และจำเลยไว้เป็นการไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์และจำเลย