แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์โดยไม่ชอบขอให้จำเลยทั้งสองคืนหุ้นและใบหุ้นที่ซื้อไว้โดยไม่ชอบให้ตัดสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่โดยอาศัยหุ้นดังกล่าวและรับเงินค่าหุ้นนั้นคืนไปจากโจทก์จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าซื้อหุ้นไว้โดยชอบโดยมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้นดังนี้คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยขอให้โจทก์นำเงินปันผลของหุ้นดังกล่าวมาชำระให้แก่จำเลยทั้งสองพร้อมดอกเบี้ยจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา264
ย่อยาว
คดี นี้ สืบเนื่อง มาจาก โจทก์ ฟ้อง จำเลย ทั้ง สอง ว่า ซื้อ หุ้น ของโจทก์ ไว้ โดย ไม่ชอบ ขอให้ จำเลย ที่ 1 คืน หุ้น และ ใบหุ้น เลขที่ 10934ถึง 11500 จำนวน 567 หุ้น แก่ โจทก์ ให้ ตัด สิทธิ จอง ซื้อ หุ้น ใหม่โดย อาศัย หุ้น เลขที่ 10934 ถึง 11500 จำนวน 567 หุ้น และ ให้จำเลย ที่ 1 รับ เงิน จำนวน 1,134,000 บาท คืน ไป จาก โจทก์ ให้ จำเลยที่ 2 คืน หุ้น และ ใบหุ้น หุ้น เลขที่ 10368 ถึง 10933 จำนวน 566หุ้น แก่ โจทก์ ให้ ตัด สิทธิ จอง ซื้อ หุ้น ใหม่ โดย อาศัย สิทธิ หุ้นเลขที่ 10368 ถึง 10933 จำนวน 566 หุ้น และ ให้ จำเลย ที่ 2 รับ เงินจำนวน 1,132,000 บาท คืน ไป จาก โจทก์ จำเลย ทั้ง สอง ให้การ สู้ คดีว่า จำเลย ทั้ง สอง ซื้อ หุ้น ของ โจทก์ โดยชอบ ขอให้ ยกฟ้อง
ใน ระหว่าง พิจารณา ของ ศาลชั้นต้น จำเลย ทั้ง สอง ยื่น คำร้องขอ คุ้มครอง ประโยชน์ ใน ระหว่าง พิจารณา ตาม ประมวล กฎหมาย วิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา 264 ว่า เมื่อ วันที่ 23 พฤษภาคม 2535 โจทก์ ได้ จัดให้ มี การ ประชุมใหญ่ สามัญ ผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 24/2535 ขึ้น และใน การ ประชุม ดังกล่าว โจทก์ ได้ มี มติ จ่ายเงิน ปันผล ให้ แก่ ผู้ถือหุ้นทุกคน ใน อัตรา หุ้น ละ 200 บาท เว้นแต่ หุ้น ของ จำเลย ที่ 1 จำนวน 567หุ้น และ หุ้น ของ จำเลย ที่ 2 จำนวน 566 หุ้น ที่ กำลัง พิพาท เป็นคดี นี้ รวม 1,133 หุ้น ซึ่ง จำเลย ทั้ง สอง มีสิทธิ ได้รับ เงินปันผลจำนวน 226,600 บาท จำเลย ทั้ง สอง ได้ ขอให้ โจทก์ จ่ายเงิน ปันผลดังกล่าว แต่ โจทก์ ไม่ยอม จ่าย โดย โจทก์ แจ้ง ว่า จะ เก็บรักษา เงิน นั้น ไว้ที่ โจทก์ หาก จำเลย ทั้ง สอง ชนะคดี และ คดีถึงที่สุด แล้ว โจทก์ จึง จะจ่ายเงิน ปันผล ดังกล่าว ให้ จำเลย ทั้ง สอง ทำให้ จำเลย ทั้ง สอง ได้รับความเสียหาย ไม่สามารถ นำ เงิน ดังกล่าว ไป หา ประโยชน์ ได้ หาก นำ ไปฝาก ธนาคาร ก็ จะ ได้ ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 12 ต่อ ปี ขอให้ ศาล มี คำสั่งให้ โจทก์ นำ เงิน จำนวน 226,600 บาท มา ชำระ ให้ แก่ จำเลย ทั้ง สองพร้อม ด้วย ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 13 ต่อ ปี นับแต่ วันที่ โจทก์กำหนด จ่ายเงิน ปันผล ให้ แก่ ผู้ถือหุ้น
ชั้นพิจารณา คำร้อง โจทก์ และ จำเลย ทั้ง สอง ยอมรับ ข้อเท็จจริงกัน ว่า ใน การ ประชุมใหญ่ สามัญ ผู้ถือหุ้น ของ โจทก์ ที่ ประชุมได้ มี มติ จ่ายเงิน ปันผล ให้ แก่ ผู้ถือหุ้น อัตรา หุ้น ละ 200 บาท และไม่จ่าย เงินปันผล ให้ แก่ หุ้น พิพาท จำเลย ทั้ง สอง คัดค้าน และ ให้ลงมติ ให้ โจทก์ จ่ายเงิน ปันผล หาก ไม่ยอม จ่าย ให้ นำ เงิน ดังกล่าวไป ฝาก ธนาคาร ใน นาม โจทก์ หรือ จำเลย ทั้ง สอง หรือ ร่วมกันแล้ว นำ สมุดบัญชี เงินฝาก มา มอบ ให้ ศาล เก็บรักษา ไว้ ผล การ ลงมติปรากฏว่า จำเลย แพ้ มติ โจทก์ จึง มี มติ ไม่จ่าย เงินปันผล จำนวน 226,600บาท ให้ แก่ จำเลย ทั้ง สอง และ จะ ไม่นำ เงิน ดังกล่าว ไป ฝาก ธนาคาร ตามที่ จำเลย ทั้ง สอง ร้องขอ แต่ จะ จ่ายเงิน ปันผล ดังกล่าว ให้ แก่ จำเลยทั้ง สอง เมื่อ จำเลย ทั้ง สอง ชนะคดี และ คดีถึงที่สุด โดย โจทก์ และจำเลย ทั้ง สอง ไม่ติดใจ นำพยาน เข้า ไต่สวน
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ โจทก์ นำ เงินปันผล ของ หุ้น พิพาท ตาม สิทธิที่ จำเลย ทั้ง สอง ได้ จำนวน 1,133 หุ้น เป็น เงิน จำนวน 226,600 บาทไป เปิด บัญชี ฝาก ธนาคาร ใน นาม ของ จำเลย ทั้ง สอง แล้ว ให้ โจทก์ นำสมุดบัญชี เงินฝาก ดังกล่าว มา ให้ ศาล เก็บรักษา ไว้ จนกว่า คดี จะ ถึงที่สุดหาก ฝ่ายใด ชนะคดี ก็ ให้ ฝ่าย นั้น รับ สมุดบัญชี เงินฝาก ดังกล่าว ไปถอนเงิน ต้น และ ดอกเบี้ย ไป ได้
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “มี ปัญหา วินิจฉัย ตาม ฎีกา โจทก์ ว่า จำเลย ทั้งสอง ขอ คุ้มครอง ประโยชน์ ใน ระหว่าง พิจารณา ตาม คำร้อง ได้ หรือไม่ เห็นว่าการ ร้องขอ คุ้มครอง ประโยชน์ ใน ระหว่าง พิจารณา ตาม ประมวล กฎหมายวิธีพิจารณา ความ แพ่ง มาตรา 264 นั้น คู่ความ ฝ่ายใด จะ ร้องขอ ก็ ได้แต่ จะ ต้อง เป็น การ คุ้มครอง ประโยชน์ ของ ผู้ร้อง ขอ เพื่อ ให้ ทรัพย์สินสิทธิ หรือ ประโยชน์ อย่างใด อย่างหนึ่ง ที่พิพาท กัน ใน คดี นั้น ได้รับความคุ้มครอง ไว้ จนกว่า ศาล จะ ได้รับ คำพิพากษา หรือ เพื่อ ความสะดวกใน การ บังคับคดี ตาม คำพิพากษา คดี นี้ โจทก์ และ จำเลย ทั้ง สอง พิพาท กันเกี่ยวกับ หุ้น โดย โจทก์ อ้างว่า จำเลย ทั้ง สอง ซื้อ หุ้น ของ โจทก์ ไว้โดย ไม่ชอบ ขอให้ จำเลย ที่ 1 คืน หุ้น และ ใบหุ้น เลขที่ 10934ถึง 11500 จำนวน 567 หุ้น ให้ ตัด สิทธิ จอง ซื้อ หุ้น โดย อาศัย หุ้นเลขที่ 10934 ถึง 11500 จำนวน 567 หุ้น และ รับ เงิน จำนวน1,134,000 บาท คืน ไป จาก โจทก์ ให้ จำเลย ที่ 2 คืน หุ้น และ ใบหุ้นเลขที่ 10368 ถึง 10933 จำนวน 566 หุ้น ให้ ตัด สิทธิ จอง ซื้อ หุ้นใหม่ โดย อาศัย หุ้น เลขที่ 10368 ถึง 10933 จำนวน 566 หุ้น และ ให้จำเลย ที่ 2 รับ เงิน จำนวน 1,132,000 บาท คืน ไป จาก โจทก์ จำเลยทั้ง สอง ให้การ ต่อสู้ ว่า จำเลย ทั้ง สอง ซื้อ หุ้น ของ โจทก์ ไว้ โดยชอบจำเลย ทั้ง สอง มิได้ ฟ้องแย้ง เรียกเงิน ปันผล ของ หุ้น พิพาท มา ด้วยซึ่ง ผล ของ คดี ถ้า จำเลย ทั้ง สอง เป็น ฝ่าย ชนะ ศาล ก็ เพียงแต่ พิพากษายกฟ้อง โจทก์ ไป ตาม คำขอ ท้าย คำให้การ ของ จำเลย ทั้ง สอง เท่านั้นไม่มี ผลบังคับ ไป ถึง เงินปันผล อันเป็น ผลประโยชน์ ของ หุ้น พิพาทตาม ที่ จำเลย ทั้ง สอง ร้องขอ คุ้มครอง ไว้ คำร้องขอ คุ้มครอง ประโยชน์ของ จำเลย ทั้ง สอง จึง ไม่ต้อง ด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 264 ที่ ศาลล่าง ทั้ง สอง มี คำสั่ง ให้ คุ้มครอง ประโยชน์ ในระหว่าง พิจารณา ด้วย การ ให้ โจทก์ นำ เงินปันผล ของ หุ้น พิพาท ไป ฝากธนาคาร ไว้ นั้น ไม่ต้อง ด้วย ความเห็น ของ ศาลฎีกา ฎีกา โจทก์ ฟังขึ้น ”
พิพากษากลับ ให้ยก คำร้องขอ งจำเลย ทั้ง สอง