คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 256. บัญญัติว่าบุริมสิทธิ์ในมูลค่าภาษีอากรนั้น ใช้สำหรับเอาบรรดาค่าภาษีอากรในที่ดินทรัพย์สินหรือค่าภาษีอากรอย่างอื่นที่ลูกหนี้ยังค้างชำระอยู่ในปีปัจจุบัน และก่อนนั้นขึ้นไปอีกปีหนึ่งนั้น ต้องเข้าใจว่าเป็นปีที่ยื่นคำร้องและปีนั้นมีการค้างชำระค่าภาษีอากรอยู่ด้วยถ้าปีถัดขึ้นไปอีกปีหนึ่งยังมีการค้างชำระอยู่อีกรัฐบาลก็มีบุริมสิทธิเพียง 2 ปีดังกล่าวเท่านั้น

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยเพื่อขายทอดตลาดใช้หนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ยื่นคำร้องขอให้หักเงินที่ขายทอดตลาดใช้หนี้ผู้ร้องโดยอ้างว่าจำเลยค้างชำระค่าภาษีอากรและผู้ร้องไม่อาจบังคับเอาแก่จำเลยได้ตามประมวลรัษฎากร เพราะจำเลยไม่มีทรัพย์อื่นอีก

โจทก์กับเจ้าหนี้อื่นแถลงคัดค้าน

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้ร้องเป็นแต่เพียงเจ้าหนี้ธรรมดา หามีอำนาจบังคับเอาหนี้รายนี้ไม่ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 256 บัญญัติว่าค่าภาษีอากรที่ค้างชำระในปีปัจจุบันและก่อนนั้นขึ้นไปอีกปีหนึ่ง ต้องเข้าใจว่าเป็นปีที่ยื่นคำร้อง และปีนั้นค้างชำระค่าภาษีอากรอยู่ด้วย ถ้าปีถัดขึ้นไปอีกปีหนึ่งยังมีการค้างชำระอยู่อีก รัฐบาลก็มีบุริมสิทธิเพียง 2 ปี สำหรับคดีนี้ จำเลยค้างชำระค่าภาษีอากรในปี พ.ศ. 2497 เพียงปีเดียว ปี พ.ศ. 2502 ซึ่งเป็นปีที่ผู้ร้องยื่นคำร้อง จำเลยไม่ได้ค้างชำระค่าภาษีอากรอยู่เลยและปี พ.ศ. 2501 ซึ่งเป็นปีถัดขึ้นไป จำเลยก็ไม่ได้ค้างเช่นเดียวกัน ค่าภาษีอากรที่จำเลยค้างชำระในปี พ.ศ. 2497 จึงเป็นค่าภาษีอากรในอดีตล่วงพ้นมา 4 ปีแล้ว ผู้ร้องไม่มีบุริมสิทธิตามมาตรา 256 คงเป็นเจ้าหนี้สามัญ จะมาขอหักหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นไม่ได้ ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share