แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยและบังคับตามฟ้องโจทก์ ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในทุนทรัพย์ตามฟ้อง และทุนทรัพย์ตามฟ้องแย้ง แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพียงจำนวนเดียว ศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกโจทก์มาชำระค่าขึ้นศาลให้ครบภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด โจทก์ยื่นคำร้องขอชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในส่วนฟ้องแย้งของจำเลยจำนวน 1,000 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มเติมภายใน 15 วัน โจทก์แถลงว่าไม่ประสงค์ที่จะชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มเติมตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด ถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2) ประกอบมาตรา 246 แต่ โจทก์ได้เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ในส่วนของฟ้องโจทก์ครบถ้วนแล้ว แม้โจทก์จะไม่ชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในส่วนฟ้องแย้งตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 อันเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ในส่วนฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ย่อมมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีได้เฉพาะอุทธรณ์ในส่วนฟ้องแย้งเท่านั้น จะสั่งจำหน่ายคดีทั้งหมดรวมทั้งอุทธรณ์ส่วนที่เกี่ยวกับคำฟ้องของโจทก์ด้วยไม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์แบ่งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 396 ตำบลด่านขุนทด อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา จำนวนเนื้อที่ 188.33 ตาราวา หากโจทก์ไม่สามารถแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวได้ให้ขายโดยประมูลราคากันระหว่างโจทก์และจำเลยก่อน หากไม่สามารถประมูลราคากันได้ให้นำที่ดินออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินในส่วนของจำเลยชำระแก่จำเลย และให้โจทก์ชำระเงินเดือนละ 800 บาท แก่จำเลย นับจากวันฟ้องเป็นต้นจนกว่าโจทก์จะแบ่งแยกหรือจดทะเบียนโอนที่ดินส่วนที่เป็นของจำเลยให้แก่จำเลย กับให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 10,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ส่งคำพิพากษาพร้อมรายงานการกระบวนพิจารณาว่า คดีนี้ โจทก์อุทธรณ์ขอให้กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยยกฟ้องแย้งของจำเลยและบังคับตามฟ้องโจทก์ ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในทุนทรัพย์ตามฟ้องจำนวน 238,329 บาท และทุนทรัพย์ตามฟ้องแย้งอีก 238,329 บาท แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพียงจำนวนเดียว ดังนั้น ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลให้ครบถ้วนภายในเวลาที่กำหนด มิฉะนั้น ให้ส่งสำนวนและคำพิพากษาคืนศาลอุทธรณ์ภาค 3 ส่วนที่โจทก์ยื่นคำร้องขอคืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เกิน 1,000 บาท โดยอ้างว่าเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีมโนสาเร่ต้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์เพียง 1,000 บาท นั้น คดีมโนสาเร่คู่ความต้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ตามจำนวนทุนทรัพย์หรือราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 190 จัตวา วรรคสอง ดังนั้นย่อมไม่มีค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่ต้องคืนแก่โจทก์ จึงให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นได้หมายแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาและคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ให้ครบแก่โจทก์โดยชอบแล้ว ครั้นถึงวันนัด โจทก์ยื่นคำร้องขอชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในส่วนฟ้องแย้งจำนวน 1,000 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มเติมภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง โจทก์แถลงไม่ประสงค์ที่จะชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มเติมตามคำสั่งศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนและคำพิพากษาคืนศาลอุทธรณ์ภาค 3
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 เห็นว่า คดีนี้โจทก์อุทธรณ์ขอให้กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยยกฟ้องแย้งของจำเลยและบังคับตามฟ้องโจทก์ ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในทุนทรัพย์ตามฟ้องจำนวน 238,329 บาท และทุนทรัพย์ตามฟ้องแย้งอีก 238,329 บาท แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพียงจำนวนเดียว ศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกโจทก์มาชำระค่าขึ้นศาลให้ครบภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ซึ่งศาลชั้นต้นได้สอบโจทก์ในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 แล้ว โจทก์แถลงว่าไม่ประสงค์ที่จะชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มเติมตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ประกอบมาตรา 246 ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า คดีนี้โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยและบังคับตามฟ้องโจทก์ ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในทุนทรัพย์ตามฟ้องจำนวน 238,329 บาท และทุนทรัพย์ตามฟ้องแย้งจำนวน 238,329 บาท แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพียงจำนวนเดียว ศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกโจทก์มาชำระค่าขึ้นศาลให้ครบภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ซึ่งศาลชั้นต้นได้สอบโจทก์ในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 แล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในส่วนฟ้องแย้งของจำเลยจำนวน 1,000 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มเติมภายใน 15 วัน นับแต่วันมีคำสั่ง โจทก์แถลงว่าไม่ประสงค์ที่จะชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มเติมตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด ถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงจำหน่ายคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ประกอบมาตรา 246 แต่ตามอุทธรณ์ของโจทก์ปรากฏว่า โจทก์ได้เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ในส่วนของฟ้องโจทก์ครบถ้วนแล้ว แม้โจทก์จะไม่ชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในส่วนฟ้องแย้งตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 อันเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ในส่วนฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ย่อมมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีได้เฉพาะอุทธรณ์ในส่วนฟ้องแย้งเท่านั้น จะสั่งจำหน่ายคดีทั้งหมดรวมทั้งอุทธรณ์ส่วนที่เกี่ยวกับคำฟ้องของโจทก์ด้วยไม่ได้ เมื่อโจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในส่วนฟ้องของโจทก์ครบถ้วนแล้ว ต้องรับอุทธรณ์ในส่วนนี้ของโจทก์ไว้พิจารณา ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีทั้งหมดจึงไม่ชอบ
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับอุทธรณ์ของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ