แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าโดยอ้างว่าจำเลยเอาไปให้เช่าช่วงนั้น โจทก์ไม่จำต้องระบุในฟ้องว่า จำเลยเอาไปให้ผู้ใดเช่าช่วงก็เป็นฟ้องที่ชัดเจนแล้ว ไม่เคลือบคลุม
การบอกเลิกสัญญาเช่าในระหว่างเวลาใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน2488 โดยชอบแล้ว จะยก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2490 มาใช้บังคับไม่ได้
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยทำสัญญาเช่าห้องของโจทก์หมดอายุสัญญาเช่าแล้ว จำเลยคงยังอยู่ในห้องนั้น ระหว่างเวลาเช่า จำเลยผิดสัญญาโดยเอาห้องให้ผู้อื่นเช่าช่วง โจทก์บอกเลิกการเช่าแล้ว จำเลยไม่ยอมออก จึงฟ้องขอให้ขับไล่ จำเลยให้การต่อสู้ว่าไม่ได้ผิดสัญญา และได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ที่กล่าวว่า จำเลยทำผิดสัญญาโดยเอาไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงนั้น โจทก์ไม่จำต้องระบุในฟ้องว่าให้ผู้ใดเช่าช่วงก็เป็นฟ้องที่ชัดเจนแล้ว ไม่เคลือบคลุม คดีนี้โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าในระหว่างเวลาใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ. ๒๔๘๘ โดยชอบแล้ว จะยกพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า พ.ศ. ๒๔๙๐ มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะโจทก์ได้ใช้สิทธิบอกเลิกอันถูกต้องตาม พ.ร.บ.ฉะบับก่อน เมื่อจำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า โจทก์ก็บอกเลิกสัญญาเช่าได้ ในเมื่อสัญญาสิ้นอายุแล้วตาม ป.พ.พ.มาตรา ๕๖๖ – ๕๗๐
พิพากษายืน