คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรื้อไม้กระดานหน้าถึงเรียกค่าเสียหาย โจทก์จะเรียกร้องเอาแต่ฉะเพาะราคาหรือค่าสินไหมทดแทนก็ได้
คดีที่ตัวโจทก์มิได้เบิกความเป็นพะยานสนับสนุนคำฟ้องของตนเลยนั้น ศาลรับฟังแต่พะยานอื่นของโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญายอมความต่อศาลว่าจะออกไปจากโรงเรียนซึ่งจำเลยเช่าจากโจทก์ ครั้นถึงกำหนดจำเลยมิได้ออกจากโรงเรือนอย่างปรกติ ได้รื้อถอนเอาสิ่งปลูกสร้างอันเป็นส่วนควบของโรงเรือนซึ่งเป็นของโจทก์ไปหลายอย่าง มีไม้กระดานหน้าถังราคา ๕๕๐ บาท กับของอื่นอีกหลายอย่าง เรียกค่าเสียหาย ๑๕๘๐ บาท กับดอกเบี้ย
ศาลแพ่งทำการพิจารณาสืบพะยานโจทก์ไปบ้างแล้ว โจทก์แถลงว่าขอติดใจแต่เรื่องไม้หน้าถังราคา ๕๕๐ บาท ตามฟ้องอย่างเดียว ฝ่ายจำเลยแถลงรับว่าไม้หน้าถังที่โจทก์ติดใจนี้จำเลยได้เอาไปจริงมีจำนวน ๑๗ แผ่น ยินดีคืนให้โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนให้กระดาษหน้าถึง ๑๗ แผ่น ถ้าไม่สามารถคืนได้ให้จำเลยใช้ทรัพย์เป็นเงิน ๕๕๐ บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บังคับให้จำเลยใช้ราคาไม้กระดาน ๕๕๐ บาทอย่างเดียว
จำเลยฎีกา เป็นข้อกฎหมาย ๒ ข้อคือ ข้อแรกที่ให้จำเลยใช้ราคาโดยไม่ให้โอกาสคืนไม้กระดานก่อนไม่ชอบด้วยความยุติธรรม และที่โจทก์เรียกแต่ราคาทรัพย์ไม่เรียกตัวทรัพย์คืนเป็นการแกล้งจำเลย ข้อที่ ๒ ฎีกาว่าตัวโจทก์มิได้มาเบิกความเป็นพะยานเลย จะฟังแต่พะยานอื่นบังคับจำเลยหาได้ไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฎีกาข้อแรกไม่ปรากฎว่าโจทก์ได้แสดงความพอใจตกลงรับตามคำแถลงของจำเลยนั้นแต่อย่างใด และทั้งไม่มีกฎหมายในที่ใดที่จะบังคับว่าโจทก์เรียกร้องแต่ฉะเพาะว่าสินไหมทดแทนไม่ได้ เมื่อจำเลยทำให้เขาต้องเสียหายเขาย่อมเรียกค่าสินไหมทดแทนได้เสมอ ส่วนฎีกาข้อ ๒ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีกฎหมายหรือหลักกฎหมายในที่ใดเลยว่า การฟังคำพะยานหลักฐานจะต้องเป็นดังจำเลยว่า จำเลยไม่มีทางชนะคดีได้ ให้ยกฎีกาจำเลยเสีย

Share