คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

แม้โจทก์ได้มอบอำนาจทุกอย่างให้หัวหน้าเขตดำเนินการและโจทก์ยังไม่ได้เพิกถอนการมอบอำนาจคืน โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องคดีได้เองเพราะโจทก์เป็นตัวการส่วนหัวหน้าเขตเป็นเพียงตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์เท่านั้น โจทก์ฟ้องจำเลยให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติมผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยเป็นการขัดต่อเทศบัญญัติของเทศบาลนครกรุงเทพ เรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคาร และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคาร และขัดต่อพระราชบัญญัติ ควบคุมการก่อสร้างอาคารและพระราชบัญญัติควบคุมอาคารอันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความปลอดภัยและป้องกันอัคคีภัยการสัญจรไปมาและรักษาอาคารให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแม้ไม่มีคำว่าจะก่อให้เกิดเสียหายอย่างไรก็เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองแล้วฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ตามกฎหมายไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้แต่อย่างใด การที่ศาลล่างทั้งสองสั่งให้จำเลยทำทางเดินกว้าง 1 เมตรในชั้นที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 แทนการให้จำเลยต้องทุบเสาคอนกรีตเสริมเหล็กออกนั้น ก็เป็นผลดีแก่จำเลยอย่างที่สุดแล้วและศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งให้แก้ไขได้คำพิพากษาที่เป็นผลดีแก่จำเลยเช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอเพราะหากศาลพิพากษาให้ตามคำขอของโจทก์ที่ให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ก่อสร้างต่อเติมจะทำให้จำเลยเสียหายยิ่งกว่าที่ให้แก้ไข

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ก่อสร้างต่อเติมโดยไม่รับอนุญาต ถ้าจำเลยไม่ยอมรื้อถอนให้โจทก์รื้อถอนได้เอง โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง การที่จำเลยก่อสร้างเพิ่มเติมโดยไม่ขออนุญาตก็ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่ต่อเติมชั้นลอยให้คงเหลือกว้าง 4 เมตร ยาว 8.50 เมตรเท่าที่ได้รับอนุญาต ส่วนเสาคอนกรีตเสริมเหล็กที่ก่อสร้างระหว่างช่องทางเดินของชั้นที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ชั้นละ 3 ต้นนั้นไม่ต้องรื้อถอนแต่ต้องจัดให้มีทางเดินระหว่างห้องถึงเสากว้าง 1 เมตรแทน ให้รื้อถอนกันสาดคลุมทางเดินและอิฐที่ต่อเติมจากรั้วเดิมขึ้นไป ให้รื้อถอนอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กที่ก่อสร้างต่อเติมบนดาดฟ้าชั้น 4 เนื้อที่86 ตารางเมตร ให้เปลี่ยนช่องหน้าต่างในผนังด้านที่ติดกับเอกชนเป็นชนิดที่เปิดปิดไม่ได้ หากจำเลยไม่รื้อถอน ก็ให้โจทก์รื้อถอนได้เอง โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในราคาที่พอสมควรศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยในข้อแรกว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ เพราะโจทก์ได้มอบอำนาจทุกอย่างให้หัวหน้าเขตบางรักไปดำเนินการ และโจทก์ยังไม่ได้ถอนการมอบอำนาจคืน นั้น เห็นว่า หัวหน้าเขตบางรักเป็นเพียงตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ โจทก์เป็นตัวการ มีอำนาจฟ้องคดีได้เองโดยมิพักต้องเพิกถอนการมอบอำนาจเสียก่อน จำเลยฎีกาเป็นข้อที่ 2 ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ได้กล่าวว่า การที่จำเลยก่อสร้างต่อเติมอาคารพิพาทจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างไร จำเลยไม่สามารถแก้ข้อกล่าวหาได้ถูกต้องนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติมผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตการกระทำของจำเลยเป็นการขัดต่อเทศบัญญัติของเทศบาลนครกรุงเทพเรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2483 ข้อ 30, 34, 36, 61, 63และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคารพ.ศ. 2522 ข้อ 33, 35, 74, 76, 83 และขัดต่อพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 และพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ. 2522 อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความปลอดภัยและป้องกันอัคคีภัย การสัญจรไปมาและการรักษาอาคารให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีคำว่าจะก่อให้เกิดเสียหายอย่างไร ก็เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ และคำขอบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองแล้วฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้แต่อย่างใด ส่วนฎีกาจำเลยข้อสุดท้ายที่ว่า ถ้าจะให้รื้อชั้นลอยตึกจะต้องพังทั้งหลัง ที่สั่งให้ทำทางเดินกว้าง 1 เมตรแทนโดยไม่ต้องทุบเสาคอนกรีตเสริมเหล็กชั้นที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ก็เป็นการพิพากษาเกินคำขอของโจทก์ และที่ให้รื้อกันสาดคลุมทางเดินด้านหลังและอิฐที่ต่อเติมจากรั้วเดิมขึ้นไป กันสาดและอิฐที่ก่อดังกล่าวก็มิใช่ตัวอาคาร ไม่สามารถก่อให้เกิดความเสียหายแก่ใครได้ หากรื้อจะเสียหายเพราะเกี่ยวข้องกับโครงเหล็กที่ผูกเหล็กในตัวอาคาร นั้น ก็เห็นว่า มิใช่ข้ออ้างอันจะนำมาเป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองได้ ทั้งการให้ทำทางเดินกว้าง 1 เมตรในชั้นที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 แทนการให้จำเลยต้องทุบเสาคอนกรีตเสริมเหล็กออกนั้น ก็เป็นผลดีแก่จำเลยอย่างที่สุดแล้ว และศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งให้แก้ไขได้ คำพิพากษาที่เป็นผลดีแก่จำเลยเช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอ เพราะหากศาลพิพากษาให้ตามคำขอของโจทก์ในข้อนี้ จะทำให้จำเลยเสียหายยิ่งกว่าที่ให้แก้ไข อันเป็นการบรรเทาความเสียหายแก่จำเลยลง และที่ว่าศาลอุทธรณ์สั่งให้รื้อชั้นที่ 5 ของอาคารออก กับให้เปลี่ยนหน้าต่างให้เป็นไปตามแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต การก่อสร้างต่อเติมดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดความเสียหายอะไรแก่ใคร ทำให้มีการระบายลมเข้าออกและถูกสุขลักษณะและอนามัยด้วย นั้น เห็นว่าการก่อสร้างต่อเติมไม่เป็นไปตามแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง ข้ออ้างของจำเลยเป็นเรื่องของความสุขสบายเฉพาะจำเลย ไม่คำนึงถึงความเสียหายและภยันตรายที่อาจเกิดแก่บุคคลอื่นหรือส่วนรวมเป็นข้ออ้างที่ไม่อาจรับฟังได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนตามฟ้อง ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ”

Share