แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ลูกจ้างประจำรถบรรทุกเอาถุงพลาสติกผงออกจากที่เก็บในรถส่งให้จำเลยรับท้ายรถเพื่อขายให้จำเลย ต้องถือว่าลูกจ้างได้เอาไปแล้วซึ่งพลาสติกนั้น ความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จตั้งแต่ลูกจ้างยกถุงพลาสติกออกจากที่เก็บแล้ว จำเลยรับซื้อพลาสติกนี้ไว้โโยรู้ว่าเป็นพลาสติกที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๑๘ เวลากลางวัน ได้มีคนร้าย ๒ คน ซึ่งหลบหนีบังอาจร่วมกันลักเอาถุงพลาสติกผง ๖ ถุง ราคา ๓,๖๐๐ บาท ของบริษัทไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ ไปโดยทุจริต และตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยบังอาจรับซื้อพลาสติกทั้ง ๖ ถุงนั้นไว้จากคนร้ายโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษากลับให้จำคุก ๘ เดือน
จำเลยฎีกาว่าไม่ได้ทำผิด และแม้จะฟังได้ตามทางพิจารณาว่าจำเลยคอยรับถุงพลาสติกที่นายชัยลูกจ้างประจำรถส่งให้ทางท้ายรถบรรทุกพลาสติกนั้นก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการลักทรัพย์เท่านั้น เพราะการลักทรัพย์ของนายชัยยังไม่ขาดตอบการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานรับของโจรดังฟ้อง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้รับซื้อพลาสติกของกลางจากนายชัยจริง ส่วนปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยรับถุงพลาสติกที่นายชัยส่งให้ทางท้ายรถจะถือว่าจำเลยทำผิดฐานลักทรัพย์ร่วมกับนายชัยหรือทำผิดฐานรับของโจทก์นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อสิ่งของใดซึ่งเจ้าของได้นำขึ้นบรรทุกบนรถแล้ว คนขับรถและลูกจ้างประจำ