คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ใช้ห้องพักในบ้านเกิดเหตุเป็นที่สำหรับให้หญิงค้าประเวณีกับบุคคลทั่วไป คืนเกิดเหตุนางสาวน.ลูกจ้างของโจทก์ได้ทำการค้าประเวณีในห้องพักนั้นด้วยห้องพักดังกล่าวถือได้ว่าเป็นที่สาธารณสถาน จำเลยที่ 2 ที่ 3 เข้าไปในห้องพักดังกล่าวพบนางสาวน.อยู่กับ ส.เพียงสองต่อสองและส.บอกว่าได้ร่วมประเวณีกับนางสาวน.แล้ว เป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้พบนางสาวน.ในลักษณะซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่านางสาวน.เพิ่งได้กระทำความผิดฐานค้าประเวณีมาแล้ว อันถือได้ว่าเป็นความผิดซึ่งหน้าตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 80 จำเลยที่ 2ที่ 3 จึงมีอำนาจเข้าไปจับกุมนางสาวน.ได้โดยไม่จำต้องมีหมายค้นและหมายจับ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157, 200 วรรคสอง, 362, 364, 365(2)(3), 59, 83, 84, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ประทับฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 364, 365,157, 200 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 364 และ 365 ให้ลงโทษตามมาตรา 365 บทหนัก ปรับคนละ 1,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2และที่ 3 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสองนั้น คดีความผิดฐานนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยคดีคงมีปัญหาว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้กระทำความผิดฐานบุกรุกหรือไม่ ในเบื้องแรกเห็นว่า ภายในบ้านเกิดเหตุในส่วนที่ใช้สำหรับให้บุคคลทั่วไปเข้าไปสั่งซื้อและรับประทานอาหารถือได้ว่าเป็นที่สาธารณสถาน จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงมีสิทธิเข้าไปได้ส่วนที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 เข้าไปจับกุมนางสาวนิภาลูกจ้างของโจทก์จากห้องพักนั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ใช้ห้องพักที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 เข้าไปจับกุมนางสาวนิภาสำหรับให้หญิงค้าประเวณีทำการค้าประเวณีกับบุคคลทั่วไป และในคืนเกิดเหตุนางสาวนิภาลูกจ้างของโจทก์ได้ทำการค้าประเวณีในห้องพักดังกล่าวจึงถือได้ว่าห้องพักดังกล่าวเป็นที่สาธารณสถานและจากข้อเท็จจริงดังได้ความจากทางนำสืบของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่ว่า เมื่อนายสุวัชชัยเปิดประตูห้องพัก จำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็พบนางสาวนิภาอยู่ในห้องพักนั้นกับนายสุวัชชัยเพียงสองต่อสอง ทั้งนายสุวัชชัยยังบอกจำเลยที่ 2 และที่ 3 ด้วยว่านายสุวัชชัยได้ร่วมประเวณีกับนางสาวนิภาแล้ว เป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้พบนางสาวนิภาในลักษณะซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่า นางสาวนิภาเพิ่งได้กระทำความผิดฐานค้าประเวณีมาแล้วอันถือได้ว่าเป็นความผิดซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 80 จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงมีอำนาจเข้าไปทำการจับกุมนางสาวนิภาจากภายในห้องพักดังกล่าวได้โดยไม่จำต้องมีหมายค้นและหมายจับการกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 364, 365 ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share