คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6896/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

++ เรื่อง ยักยอก ++
จำเลยกระทำผิดตาม ป.อ.มาตรา 352 วรรคแรก โดยจำเลยกระทำผิดหน้าที่ รับชำระเงินสดหรือเช็คจากลูกค้าที่ชำระราคาค่าซื้อรถยนต์ให้แก่ผู้เสียหายรวม 8 ครั้งไว้แล้ว จำเลยมีหน้าที่ส่งมอบให้ผู้เสียหายในแต่ละครั้งทันทีเมื่อจำเลยเบียดบังเอาทรัพย์ดังกล่าวแต่ละครั้งเป็นของตนโดยทุจริต การกระทำของจำเลยแต่ละครั้งจึงเป็นความผิดเป็นกรรม ๆ ไป เป็นความผิดหลายกรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นพนักงานบริษัทโตโยต้า เค.มอเตอร์สผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ผู้เสียหาย มีหน้าที่จำหน่ายรถยนต์ของผู้เสียหายรับชำระเงินสดหรือเช็คค่าขายรถยนต์ของผู้เสียหายจากลูกค้าที่ชำระราคาค่าซื้อรถยนต์ให้แก่ผู้เสียหายแล้วนำส่งมอบให้ผู้เสียหาย ได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ ข้อ ๑.๑เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๓๙ เวลากลางวัน จำเลยได้รับมอบเงินสด ๑๖,๖๔๐ บาทและเช็คธนาคารเอเชีย จำกัด สาขาย่อยบางกะปิ ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๓๙จำนวนเงิน ๑๖๐,๐๐๐ บาท จากนางสาวสิริวรรณ วงศ์ศักดิ์ ซึ่งชำระค่าซื้อรถยนต์ของผู้เสียหายบางส่วน แล้วจำเลยได้เบียดบังเอาไปเป็นของตนโดยทุจริตรวมเป็นเงิน๑๗๖,๖๔๐ บาท ข้อ ๑.๒ เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๓๙ เวลากลางวัน จำเลยได้รับมอบเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาสีลม จำนวน ๒ ฉบับ ลงวันที่ ๒๖ กันยายน๒๕๓๙ จำนวนเงิน ๓๕๐,๐๐๐ บาท และ ๕๖,๐๐๐ บาท กับเงินสด ๙,๒๐๐ บาท จากนางลักษณา ปัญญะสังข์ ซึ่งชำระค่าซื้อรถยนต์ของผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้เบียดบังเอาไปเป็นของตนโดยทุจริต รวมเป็นเงิน ๔๑๕,๒๐๐ บาท ข้อ ๑.๓ เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม๒๕๓๙ เวลากลางวัน จำเลยได้รับมอบเงินสด ๑๑,๓๐๐ บาท และเช็คธนาคารออมสินสาขายุติธรรม ลงวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๓๙ จำนวนเงิน ๔๐๘,๐๐๐ บาท จากนายภคเชษมีพันลม ซึ่งชำระค่าซื้อรถยนต์ของผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้เบียดบังเอาไปเป็นของตนโดยทุจริตรวมเป็นเงิน ๔๑๙,๓๐๐ บาท ข้อ ๑.๔ เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๓๙ เวลากลางวัน จำเลยได้รับมอบเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาศรีนครินทร์ อ่อนนุชจำนวนเงิน ๙๓,๑๐๔ บาท จากนายเกรียงศักดิ์ บุณยะเดช ซึ่งชำระค่าซื้อรถยนต์ของผู้เสียหายบางส่วนแทนนางนฤมล ธนีเจริญ ลูกค้า แล้วจำเลยได้เบียดบังเอาไปเป็นของตนโดยทุจริต ข้อ ๑.๕ เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๓๙ เวลากลางวัน จำเลยได้รับมอบเงินสด ๔๙,๐๐๐ บาท และเช็คธนาคารออมสิน สาขาราชรถ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม๒๕๓๙ จำนวนเงิน ๗๕๐,๐๐๐ บาท จากนายสงบ เจริญสุข ซึ่งชำระค่าซื้อรถยนต์ของผู้เสียหายแล้วจำเลยได้เบียดบังเอาไปเป็นของตนโดยทุจริต รวมเป็นเงิน ๗๘๘,๐๐๐บาท (ที่ถูก ๗๙๙,๐๐๐ บาท) ข้อ ๑.๖ เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๓๙ เวลากลางวันจำเลยได้มอบเช็คธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยสรงประภาลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๓๙ จำนวนเงิน ๗๗๘,๐๐๐ บาท จากนายสุทธิ เกิดศักดิ์ซึ่งชำระค่าซื้อรถยนต์ของผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้เบียดบังเอาไปเป็นของตนโดยทุจริตรวมเป็นเงิน ๗๗๘,๐๐๐ บาท ข้อ ๑.๗ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๓๙ เวลากลางวันจำเลยได้รับมอบเงินสด ๑๐๑,๙๗๗ บาท จากนางหลั่น นวลไม้ ซึ่งชำระค่าซื้อรถยนต์ของผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้เบียดบังเอาไปเป็นของตนโดยทุจริต ข้อ ๑.๘ เมื่อวันที่๒๙ ตุลาคม ๒๕๓๙ เวลากลางวัน จำเลยได้รับมอบเงินสด ๖๔,๐๕๙ บาท จากนางจำเนียร วรศิริ ซึ่งชำระค่าซื้อรถยนต์บางส่วนของผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้เบียดบังเอาไปเป็นของตนโดยทุจริต ข้อ ๑.๙ เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๓๙ เวลากลางวันจำเลยได้รับมอบเงินสด ๕๕๑,๔๔๑ บาท จากนายสรพงษ์ เดวีเลาะ ซึ่งชำระค่าซื้อรถยนต์ของผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้เบียดบังเอาไปเป็นของตนโดยทุจริต และข้อ๑.๑๐ เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ เวลากลางวัน จำเลยได้รับมอบเงินสด๕,๐๐๐ บาท จากนายสุวัฒน์แก้วขาว ซึ่งชำระค่าจองซื้อรถยนต์ของผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้เบียดบังเอาไปเป็นของตนโดยทุจริต รวมเป็นเงินที่จำเลยเบียดบังเอาไปทั้งสิ้น ๓,๔๐๓,๗๒๑ บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑, ๓๕๒และให้คืนเงินจำนวน ๓,๔๐๓,๗๒๑ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา บริษัทโตโยต้า เค.มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้าจำกัด ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๑, ๓๕๒ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกระทงความผิดไปรวม ๘ กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ ๑ ปี รวมจำคุก ๘ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก ๖ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน๓,๐๖๗,๖๘๕ บาท แก่โจทก์ร่วม คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ วรรคแรก เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ จำคุกกระทงละ ๖ เดือน รวม ๘ กระทง จำคุก๔ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก ๓ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายแต่เพียงข้อเดียวว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวกันหรือไม่ซึ่งศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องข้อ ๑.๑ ถึงข้อ ๑.๖ ข้อ ๑.๙ และข้อ ๑.๑๐เห็นว่า จำเลยกระทำผิดหน้าที่ของตนโดยรับชำระเงินสดหรือเช็คจากลูกค้าที่ชำระราคาค่าซื้อรถยนต์ให้แก่โจทก์ร่วมรวม ๘ ครั้ง เมื่อจำเลยรับเงินสดหรือเช็คดังกล่าวแต่ละครั้งไว้แล้ว จำเลยมีหน้าที่ส่งมอบให้โจทก์ร่วมในแต่ละครั้งทันที เมื่อจำเลยเบียดบังเอาทรัพย์ดังกล่าวแต่ละครั้งเป็นของตนโดยทุจริต การกระทำของจำเลยแต่ละครั้งดังกล่าวจึงเป็นความผิดเป็นกรรม ๆ ไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรม
พิพากษายืน.

Share