คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เทศมนตรีไม่ได้ไปทำงาน แต่ได้ลงลายมือชื่อในบัญชีรายวันมาทำงานว่า ได้มาทำงานในวันนั้นผู้มีหน้าที่ตั้งฎีกาเบิกเงินหลงเชื่อ จึงเบิกเงินค่าป่วยการประจำวันและเงินเพิ่มพิเศษมามอบให้เทศมนตรีรับไป ดังนี้การกระทำของเทศมนตรีดังกล่าวยังไม่เป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 133
ความผิดฐานฉ้อโกงเงินของเทศบาลนั้นสัตว์แพทย์ประจำเทศบาลไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจร้องทุกข์ตามกฎหมายได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 133, 134, 304

จำเลยปฏิเสธ

ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 เป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองอุทัยธานี จำเลยที่ 2, 3 เป็นเทศมนตรี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2494 จำเลยที่ 2-3 ไม่ได้มาทำงาน แต่ได้ลงลายมือชื่อในบัญชีรายวันมาทำงานว่า ได้มาทำงานในวันนั้นแล้ว หลอกลวงให้นายองอาจผู้มีหน้าที่ตั้งฎีกาเบิกเงินค่าป่วยการ และเงินเพิ่มพิเศษชั่วคราวให้จำเลยทั้ง 2 รับไป เป็นค่าป่วยการประจำวันคนละ 5 บาท เงินเพิ่มพิเศษ 27 บาท จำเลยที่ 1 เป็นนายกเทศมนตรี เป็นผู้ลงชื่ออนุญาตให้เบิกจ่าย จำเลยที่ 2-3 ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 133 ให้จำคุกคนละ 1 ปี แต่ให้รอการลงอาญาไว้ ฯลฯ สำหรับจำเลยที่ 1 ไม่มีเจตนาทุจริต ให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2-3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 3 ด้วย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่ากฎหมายลักษณะอาญามาตรา 133 เป็นบทบัญญัติสำหรับความผิดในเรื่องเข้าไปเกี่ยวข้องหากำไรและผลประโยชน์ส่วนตัวในกิจการที่จำเลยมีหน้าที่กระทำ แต่ในคดีนี้เป็นเรื่องค่าป่วยการหรือค่าจ้างรางวัลตอบแทนในการที่จำเลยได้มาทำงานให้แก่เทศบาลจึงไม่เข้าองค์ความผิดแห่งกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 133

ส่วนความผิดฐานฉ้อโกง นั้น สัตว์แพทย์ประจำเทศบาล ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีสิทธิร้องทุกข์ได้

คงพิพากษายืน

Share