แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญาเมื่อถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง มีแต่ทนายโจทก์มาศาลส่วนโจทก์และพยานไม่มาศาล และมิได้แถลงข้อขัดข้องให้ศาลทราบ เช่นนี้ ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมานำสืบสนับสนุนข้อกล่าวหาของตน ศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้นถึงวันนัด โจทก์และพยานไม่มาศาลโดยไม่ทราบเหตุขัดข้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ไม่มีพยานมานำสืบสนับสนุนข้อกล่าวหาลำพังแต่สำนวนคดีอาญาที่โจทก์อ้างเป็นพยาน ไม่พอฟังว่าคดีของโจทก์มีมูลได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จริงอยู่ปรากฏว่าโจทก์ได้ขอหมายเรียกพยานบุคคลไว้ก่อนวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้จัดการส่งหมายให้พยานหรือไม่ หรือมีการขัดข้องประการใด คงมีแต่พยานเอกสารคือคำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนซึ่งโจทก์ขอเรียกมาจากพนักงานอัยการและเมื่อถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง ตัวโจทก์และพยานไม่มาศาลเลยทนายโจทก์ก็มิได้แถลงถึงข้อขัดข้อง เป็นแต่ขอให้ศาลรอจนถึงเวลา 11.00 นาฬิกา ศาลก็รอให้จนถึงเวลา 11.00 นาฬิกาแล้ว ทนายโจทก์กลับแถลงว่า ได้ทราบว่าญาติทางฝ่ายจำเลยเจรจาจะชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เพื่อเลิกคดีกัน ฝ่ายจำเลยก็โต้แย้งคัดค้าน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจไม่ยอมให้เลื่อน โดยเห็นต้องกันว่า โจทก์ไม่มีพยานมานำสืบสนับสนุนข้อกล่าวหาและให้ยกฟ้องโจทก์เสียนั้นไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายที่โจทก์จะฎีกาขึ้นมาได้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน