คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2965/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินมี น.ส.3 จาก จ. บิดาจำเลยโดยเชื่อตามที่ จ. บอกว่าที่ดินอยู่ใกล้โรงงาน และติดถนนตามแผนที่ที่แสดงให้ดูเมื่อปรากฏว่าที่ดินมิได้อยู่ติดถนนจ. จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาที่ไม่สามารถส่งมอบที่ดินตามที่ตกลงจะขายให้โจทก์และโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นทายาทของ จ. จึงต้องคืนเงินมัดจำ และราคาที่ดินที่ได้รับไว้พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายจั๊ว กมลนุกูลกิจ บิดาจำเลยทั้งสองได้ขอร้องให้โจทก์ช่วยซื้อที่ดิน น.ส.3 ทะเบียนเล่ม 2 หน้า112 ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ราคาไร่ละ 10,500บาท เป็นเงิน 191,625 บาท โดยแจ้งสภาพและที่ตั้งของที่ดินว่า อยู่ติดกับถนนใกล้โรงงาน โจทก์เชื่อว่าเป็นความจริงจึงทำสัญญาจะซื้อขายกัน จะทำการโอนและตรวจสอบที่ดินให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือนได้วางมัดจำไว้ 10,000 บาท และชำระค่าที่ดินรวม 77,700 บาท ต่อมานายจั๊วตาย จำเลยทั้งสองแจ้งให้โจทก์ไปตรวจสอบที่ดินและรับโอน โจทก์ตรวจสอบแล้วพบว่าสภาพที่ดินไม่ตรงกับที่นายจั๊วบอก โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยคืนเงิน 87,700บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันรับเงินจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ได้สำคัญผิดในสภาพที่ตั้งของที่ดิน โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่นำเงินส่วนที่เหลือมาชำระแก่จำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองจึงมีสิทธิริบมัดจำและราคาที่ชำระแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน93,306.87 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินต้น87,700 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 29พฤษภาคม 2524 นายจั๊ว กมลนุกูลกิจ บิดาจำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาจะขายที่ดินตาม น.ส.3 ทะเบียนเล่มที่ 2 หน้า 112หมู่ที่ 3 ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 1 แปลง เนื้อที่18 ไร่ 1 งาน 20 ตารางวา ราคา 191,625 บาท แก่โจทก์ วันทำสัญญาโจทก์วางเงินมัดจำ 10,000 บาท ตามสัญญาจะซื้อขายเอกสารหมายจ.2 ต่อมานายจั๊วบิดาจำเลยและจำเลยทั้งสองได้รับเงินค่าที่ดินจากโจทก์ไปอีกรวมเป็นเงิน 87,700 บาท ต่อมานายจั๊วบิดาจำเลยทั้งสองถึงแก่กรรม โดยยังไม่ได้จัดการจดทะเบียนโอนที่ดินไปตามสัญญา ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์เป็นผู้เขียนสัญญาจะซื้อขาย และเห็น น.ส.3 ที่ดินที่จะซื้อขายแล้ว รู้ทำเลที่ตั้งของที่ดินดีแล้วโจทก์จึงได้ทำสัญญาจะซื้อขาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา และโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญานั้น ปัญหาวินิจฉัยมีว่าโจทก์สำคัญผิดในสภาพและทำเลที่ตั้งของที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายหรือไม่สัญญาจะซื้อขายเป็นโมฆะหรือไม่ โจทก์เบิกความว่า เมื่อเดือนเมษายน 2524 นายจั๊วบิดาของจำเลยทั้งสองได้มาพบโจทก์เสนอขายที่ดิน 1 แปลง ที่ดินตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลบึงอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ตาม น.ส.3 มีเนื้อที่ 18 ไร่ 1งาน 20 ตารางวา ในราคาไร่ละ 12,000 บาท โดยบอกว่าที่ดินอยู่ใกล้โรงงาน ติดถนนตามแผนที่ที่บิดาจำเลยให้ไว้ โจทก์เชื่อเพราะรู้จักกับบิดาจำเลยมาก่อน โจทก์ต่อรองราคาลงไร่ละ 10,500 บาท รวมเป็นเงิน 190,000 บาทเศษ บิดาจำเลยตกลงจึงได้ทำสัญญาจะซื้อขายกันตามเอกสารหมาย จ.2 นัดไปตรวจสอบจำนวนที่ดินให้เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญาหลังจากทำสัญญาแล้วไม่ได้ไปตรวจดูที่ดิน เพราะบิดาจำเลยป่วยเป็นโรคมะเร็ง และต่อมาได้ถึงแก่กรรม จำเลยทั้งสองมีนางนงเยาว์ อาสนวลัยกุล นายประสงค์ อาสนวลัยกุล เบิกความว่าครั้งแรกโจทก์รับเป็นนายหน้าขายที่ดินแปลงนี้ให้นายจั๊วบิดาจำเลย โดยถ่ายสำเนา น.ส.3 ไปเพื่อหาผู้ซื้อ ต่อมาโจทก์เป็นผู้ซื้อที่แปลงนี้เอง โจทก์เป็นคนเขียนสัญญาจะซื้อขายและมอบเงินมัดจำ 10,000 บาทให้นายประสงค์นำไปให้บิดาจำเลยลงชื่อในสัญญา นายประสงค์เป็นคนนำสัญญาจะซื้อขายไปให้นายจั๊วบิดาจำเลยลงชื่อและมอบเงินมัดจำ 10,000ให้นายจั๊วไป ในการทำสัญญาจะซื้อขายโจทก์ไม่ได้ไปตรวจดูที่ดินที่จะซื้อขาย พยานจำเลยเจือสมข้อนำสืบของโจทก์ เชื่อว่านายจั๊วบิดาจำเลยตกลงทำสัญญาจะขายที่ดินแปลงดังกล่าวแก่โจทก์ โดยบอกโจทก์ว่าที่ดินที่จะขายอยู่ใกล้โรงงานและติดถนนทั้งได้มอบแผนที่ตามเอกสารหมาย จ.1ให้โจทก์ไว้ โจทก์ตกลงทำสัญญาจะซื้อขายตามเอกสารหมาย จ.2โดยเชื่อตามที่นายจั๊วบิดาจำเลยบอกกล่าว ไม่ได้ไปตรวจดูสภาพของที่ดิน เมื่อนายจั๊วบิดาจำเลยถึงแก่กรรม จำเลยทั้งสองได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปรับโอนที่ดินตามเอกสารหมาย จ.4 แต่โจทก์ยังไม่ได้ไปตรวจดูที่ดิน ไม่ทราบสภาพที่ตั้งของที่ดินตามสัญญาจะซื้อขาย จึงได้แจ้งให้จำเลยทั้งสองทำการรังวัดตรวจสอบจำนวนที่ดินก่อนตามเอกสารหมาย จ.6 จำเลยทั้งสองได้มีหนังสือตอบมาว่าการตรวจสอบจำนวนที่ดินไม่ใช่สาระสำคัญของสัญญา และโจทก์สามารถตรวจสอบได้จากพนักงานที่ดินตามเอกสารหมาย จ.7 เมื่อโจทก์ทำการตรวจสอบแล้วปรากฏว่าที่ดินไม่ติดถนน ไม่ตรงตามที่ตกลงไว้ เห็นว่าผู้ขายได้ตกลงกับโจทก์ไว้ว่าที่ดินที่จะขายอยู่ติดถนน เมื่อปรากฏว่าที่ดินดังกล่าวมิได้อยู่ติดถนน ผู้ขายจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาที่ไม่สามารถจะส่งมอบที่ดินตามที่ตกลงจะขายให้โจทก์ได้ และโจทก์ผู้ซื้อได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว จำเลยทั้งสองเป็นทายาทของผู้ขายจึงต้องคืนเงินมัดจำและราคาที่ดินที่ได้รับไว้พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องในผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share