แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 3 และคำร้องขอส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์ก่อนแถลงหมดพยาน จำเลยดังกล่าวย่อมมีสิทธิทำได้เพราะในส่วนของการยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยที่ 1 และที่ 2 สามารถยื่นได้ก่อนฝ่ายจำเลยจะสืบพยานเสร็จ การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยดังกล่าวยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 3 จึงชอบแล้ว แต่การขอส่งพยานเอกสารดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์เป็นคนละส่วนที่สามารถแยกพิจารณาจากกันได้ ทั้งผลการตรวจพิสูจน์เป็นเพียงความเห็นของผู้ตรวจพิสูจน์ที่ศาลต้องใช้ดุลพินิจในการรับฟังว่าสมควรเชื่อหรือไม่เพียงใด หาใช่บังคับให้ศาลต้องรับฟังข้อเท็จจริงตามผลการตรวจพิสูจน์ จึงเป็นดุลพินิจศาลในการจะอนุญาตให้ส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์ตามคำร้องขอของคู่ความโดยพิจารณาว่าจะเป็นประโยชน์แก่คดีหรือไม่เพียงใด และต้องพิจารณาความเหมาะสมโดยคำนึงถึงคู่ความทุกฝ่ายด้วย หาใช่พิจารณาความต้องการของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายเดียวไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งให้ประทับฟ้องจำเลยทั้งสามในความผิดฐานร่วมกันสั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาสำเพ็ง 44 ฉบับ ยกฟ้องความผิดฐานร่วมกันสั่งจ่ายเช็คธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยถนนสามัคคี 20 ฉบับ เนื่องจากมิใช่คดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ปรับจำเลยที่ 1 กระทงละ 10,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละ 2 เดือน ต่อ 1 กระทง รวม 30 กระทง รวมโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 300,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละ 60 เดือน หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 ยกฟ้องโจทก์สำหรับเช็คฉบับที่ 1 เลขที่เช็ค 4160653 เช็คฉบับที่ 2 เลขที่เช็ค 4160654 เช็คฉบับที่ 3 เลขที่เช็ค 4160655 เช็คฉบับที่ 4 เลขที่เช็ค 4160656 เช็คฉบับที่ 5 เลขที่เช็ค 4160657 เช็คฉบับที่ 11 เลขที่เช็ค 4160665 เช็คฉบับที่ 12 เลขที่เช็ค 4160666 เช็คฉบับที่ 13 เลขที่เช็ค 4160667 เช็คฉบับที่ 14 เลขที่เช็ค 4160668 เช็คฉบับที่ 21 เลขที่เช็ค 4186440 เช็คฉบับที่ 22 เลขที่เช็ค 4186441 เช็คฉบับที่ 33 เลขที่เช็ค 4217151 เช็คฉบับที่ 34 เลขที่เช็ค 4217152 และเช็คฉบับที่ 35 เลขที่เช็ค 4217153
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสามฎีกาประการแรกว่า เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฝ่ายจำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 3 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2546 โดยอันดับที่ 1 และที่ 2 ขอส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์เรื่องมีการพิมพ์ข้อความเพิ่มเติมภายหลังจำเลยที่ 2 ลงชื่อและประทับตราในกระดาษเปล่าหรือไม่ กับลายมือชื่อจำเลยที่ 2 และใบสำคัญจ่าย (สีเขียว) ปลอมหรือไม่แล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมมีสิทธิส่งเอกสารดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์ การที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องฉบับลงวันที่วันเดียวกันที่ขอส่งเอกสารดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์เป็นการไม่ชอบ ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้อง แล้วให้ศาลชั้นต้นส่งเอกสารดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์ แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ นั้น เห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 3 และคำร้องขอส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2546 ก่อนแถลงหมดพยาน จำเลยดังกล่าวย่อมมีสิทธิทำได้เพราะในส่วนของการยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยที่ 1 และที่ 2 สามารถยื่นได้ก่อนฝ่ายจำเลยจะสืบพยานเสร็จ การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยดังกล่าวยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 3 จึงชอบแล้ว แต่การขอส่งพยานเอกสารดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์เป็นคนละส่วนที่สามารถแยกพิจารณาจากกันได้ ทั้งผลการตรวจพิสูจน์เป็นเพียงความเห็นของผู้ตรวจพิสูจน์ที่ศาลต้องใช้ดุลพินิจในการรับฟังว่าสมควรเชื่อหรือไม่เพียงใด หาใช่บังคับให้ศาลต้องรับฟังข้อเท็จจริงตามผลการตรวจพิสูจน์ จึงเป็นดุลพินิจศาลในการจะอนุญาตให้ส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์ตามคำร้องขอของคู่ความโดยพิจารณาว่าจะเป็นประโยชน์แก่คดีหรือไม่เพียงใด และต้องพิจารณาความเหมาะสมโดยคำนึงถึงคู่ความทุกฝ่ายด้วย หาใช่พิจารณาความต้องการของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายเดียวไม่ ดังนั้นเมื่อฝ่ายจำเลยขอส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์ในเรื่องดังกล่าวที่ศาลสามารถพิจารณาได้เองอยู่แล้วในวันนัดสืบพยานฝ่ายจำเลยครั้งสุดท้ายของการนัดพิจารณาคดีต่อเนื่องที่มีนัดฟังคำพิพากษาไว้ด้วย ทั้งก่อนหน้านี้ก็มีการขอเลื่อนคดีเพราะเหตุฝ่ายจำเลยหลายครั้ง พฤติการณ์ย่อมส่อไปในทางประวิงคดีเพราะหากศาลอนุญาตก็ไม่รู้ว่าจะทำการตรวจพิสูจน์เสร็จและนัดฟังคำพิพากษาได้อีกเมื่อใดซึ่งคงต้องใช้เวลานาน ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตจึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนคำสั่งแล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์ตามคำร้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ข้างต้นแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ ฎีกาของจำเลยทั้งสามส่วนนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน