คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้ค่าภาษีอากรซึ่งมีบุริมสิทธิสามัญนั้นต้องเป็นหนี้ที่ลูกหนี้ยังค้างชำระอยู่ในปีปัจจุบัน และก่อนนั้นขึ้นไปปีหนึ่ง
หนี้ค่าภาษีอากรปี 2503 ซึ่งเจ้าพนักงานประเมินตรวจพบและประเมินเพิ่มให้จำเลยชำระเมื่อปี 2505 แม้จำเลยจะอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และอุทธรณ์ต่อไปยังศาลก็ไม่เป็นการทุเลาการเสียภาษีอากร เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดี (กรมสรรพากร)
เมื่อผู้ร้องมิได้อ้างว่า มีการอนุมัติของอธิบดีให้รอคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ย่อมไม่มีเหตุที่จะอ้างว่า.หนี้ค่าภาษีอากรถึงกำหนดชำระเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุด
การที่จำเลยยื่นคำร้องขอผัดและผ่อนชำระภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89ทวิ แต่อธิบดีไม่อนุญาต ไม่มีผลทำให้หนี้ถึงกำหนดภายหลัง

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์บังคับคดีนำยึดทรัพย์ ก่อนขายทรัพย์ เมื่อวันที่ ๑๖มีนาคม ๒๕๐๙ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยมีหนี้ค่าภาษีอากรคือภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีการค้ารวมทั้งสิ้นหนึ่งล้านบาทเศษซึ่งผู้ร้องขอรับชำระเป็นหนี้บุริมสิทธิสามัญ
โจทก์คัดค้านว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ใช่นิติบุคคลไม่มีสิทธิยื่นคำร้องและไม่ใช่หนี้บุริมสิทธิ
ศาลชั้นต้นงดไต่สวน และมีคำสั่งว่า หนี้ภาษีอากรเป็นบุริมสิทธิเฉพาะในปีปัจจุบัน และก่อนนั้นปีหนึ่ง หนี้รายนี้เป็นค่าภาษีอากรพ.ศ. ๒๕๐๓ และ ๒๕๐๕ ไม่เป็นบุริมสิทธิ ขอเฉลี่ยดังนี้ไม่ได้ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๐๙บุริมสิทธิในหนี้ค่าภาษีอากรที่ค้างชำระในปีปัจจุบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๕๖ จึงเป็นหนี้ที่ลูกหนี้ค้างชำระอยู่ใน พ.ศ. ๒๕๐๙ และย้อนขึ้นไปใน พ.ศ. ๒๕๐๘ อีกปีหนึ่งคดีได้ความว่า หนี้ค่าภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นค่าภาษีในปีพ.ศ. ๒๕๐๓ ซึ่งเจ้าพนักงานประเมินตรวจพบและประเมินเพิ่มให้จำเลยชำระตามหนังสือลงวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๐๕ ภายใน ๓๐ วัน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๒๗ ถึงแม้จำเลยจะอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และอุทธรณ์ต่อไปยังศาลตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๓๐ แต่มาตรา ๓๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๙ บัญญัติว่า “การอุทธรณ์ไม่เป็นการทุเลาการเสียภาษีอากรถ้าไม่เสียภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ให้ถือเป็นภาษีอากรค้างตามมาตรา ๑๒ เว้นแต่กรณีที่ผู้อุทธรณ์ได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้รอคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษาได้ก็ให้มีหน้าที่ชำระภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือได้รับทราบคำพิพากษาได้ ก็ให้มีหน้าที่ชำระภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือได้รับทราบคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี”เหตุนี้หนี้ค่าภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จำเลยจะต้องชำระตามหนังสือแจ้งประเมินจึงถึงกำหนด เจ้าพนักงานอาจบังคับเอาได้ตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๑๒ ผู้ร้องมิได้อ้างว่ามีการอนุมัติให้รอคำวินิจฉัยอุทธรณ์แต่ประการใด จึงไม่มีเหตุที่จะอ้างว่า หนี้รายนี้ถึงกำหนดเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุด
ส่วนค่าภาษีการค้า ก็ได้ความว่า เจ้าพนักงานประเมินแจ้งให้จำเลยทราบและชำระก่อน พ.ศ. ๒๕๐๘ จึงไม่เป็นหนี้บุริมสิทธิการที่จำเลยยื่นคำร้องขอผัดและผ่อนชำระตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๘๙ ทวิแต่อธิบดีไม่อนุญาต ไม่มีผลทำให้หนี้ถึงกำหนดในภายหลัง
พิพากษายืน

Share