คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประเด็นมีว่า จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ตามที่โจทก์นำมาฟ้องหรือเปล่า การที่จะให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นประธานแห่งประเด็น ศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงแห่งพฤติการณ์ที่เป็นมาทั้งก่อนและภายหลังวันที่อ้างว่าได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวแก่ประเด็นโดยตรง ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่าจะควรเชื่อหรือไม่เชื่อพฤติการณ์ต่างๆ ระหว่างโจทก์จำเลยตั้งแต่เริ่มมีข้อพิพาทอันอ้างว่าเป็นเหตุให้เกิดสัญญาประนีประนอมยอมความและการติดต่อภายหลัง อันเป็นเหตุให้อ้างว่า สัญญาประนีประนอมยอมความนั้นได้มีการให้สัตยาบัน จึงอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะพึงทำได้ เพราะเป็นการค้นหาความจริงว่า สัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ได้มีขึ้นจริงหรือไม่นั่นเอง โจทก์จะจำกัดไม่ให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับประเด็นเพื่อวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็น หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางเคลือบและจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกพระอร่ามฯ นางเคลือบได้ทำสัญญาขายเรือขุดแร่ของกองมรดกให้แก่โจทก์ โดยความรู้เห็นของจำเลยทั้งสอง ต่อมากองมรดกผิดสัญญาเอาเรือขุดแร่ลำนั้นไปขายให้ผู้อื่นเสีย และนางเคลือบถึงแก่ความตายไปเสียแล้ว จำเลยทั้งสองคงเป็นผู้จัดการมรดกต่อมา จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกด้วยตนเองและในฐานะแทนจำเลยที่ 2 ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2488 ยอมใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการที่กองมรดกผิดสัญญา และภายหลังจำเลยที่ 2 ยังได้ยอมรับรองและให้สัตยาบันแก่การกระทำของจำเลยที่ 1 ทุกประการ จำเลยทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้ศาลบังคับ จำเลยให้การปฏิเสธทุกข้อ ….. ประเด็นข้อสำคัญให้สืบ 3 ข้อคือ

1. จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ลงวันที่ 25 มกราคม 2488 ให้โจทก์จริงหรือไม่

2. จำเลยที่ 2 ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์หรือไม่

3. จำเลยที่ 2 ได้ยอมรับรองหรือให้สัตยาบันแก่การกระทำของจำเลยที่ 1 เกี่ยวกับสัญญาประนีประนอมยอมความเรื่องนี้หรือไม่

เมื่อจำเลยที่ 2 ได้ตรวจเอกสารบางฉบับที่โจทก์อ้างตามที่ส่งประเด็นไปดำเนินกระบวนพิจารณาที่ศาลจังหวัดภูเก็ตแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าประเด็นข้อ 2 ข้อ 3 นั้น เป็นอันไม่ต้องสืบพยานกันต่อไป หรือฉนั้นขอให้จำเลยที่ 2 สืบพยานในประเด็นสองข้อนั้นก่อน จำเลยแถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นเห็นว่า ประเด็นข้อ 2, 3 ไม่จำเป็นต้องสืบพยาน จึงให้งดและคงให้สืบพยานเฉพาะข้อ 1 เท่านั้น แล้วศาลแพ่งเห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีทางชนะทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง มีผู้พิพากษานายหนึ่งทำความเห็นแย้งว่า โจทก์ควรชนะคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า เมื่อศาลชั้นต้นกะประเด็นข้อ 1 แต่ข้อเดียวแล้ว ศาลยกประเด็นข้อ 2 ข้อ 3 ขึ้นวินิจฉัยเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นว่าความจริงก็เป็นไปในเรื่องสำหรับประเด็นข้อ 1 ที่ว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้โจทก์จริงหรือไม่นั่นเอง แต่การที่จะให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นประธานแห่งคดีนี้ ศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงแห่งพฤติการณ์ที่เป็นมาทั้งก่อนและภายหลังวันที่อ้างว่าได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันนั้นได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับประเด็นโดยตรง เป็นการค้นหาความจริงว่าสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ได้มีขึ้นจริงหรือไม่นั่นเองโจทก์จะจำกัดไม่ให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับประเด็นเพื่อวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นหาได้ไม่

ส่วนข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่เชื่อว่าจำเลยที่ 1 ได้ ทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้แก่โจทก์

พิพากษายืน

Share