แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บรรยายฟ้องว่า จำเลยเข้าทำรั้วกั้นอาณาเขตปลูกเรือนในที่ดินสาธารณะตำบลกระบี่ใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ และจำเลยให้การว่า จำเลยซื้อที่นี้มาจากนางเฟื่อง ดังนี้ ถือได้ว่า ฟ้องได้ระบุสถานที่พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ย่อยาว
ฟ้องว่า จำเลยบังอาจเข้ายึดถือครอบครองที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งสงวนไว้ใช้ประโยชน์ทางราชการเนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ โดยจำเลยเข้าทำรั้วกั้นอาณาเขตและปลูกเรือนในที่ดินสาธารณะ ตำบลกระบี่ใหญ่ จำเลยมีเจตนายึดถือครอบครองเป็นของตน โดยมิได้มีสิทธิครอบครองที่ดินนั้นมาก่อนและมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
จำเลยให้การว่า จำเลยซื้อที่ดินที่โจทก์ฟ้องจากนางเฟื่อง และฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะไม่ได้กล่าวว่าที่ดินตั้งอยู่ที่ไหน กว้างยาวเท่าใดทิศไหนติดอะไร และไม่ได้ทำแผนที่แสดงมา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต้องกันว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม และฟังข้อเท็จจริงว่าที่ที่จำเลยเข้ายึดถือครอบครองมีสภาพเป็นที่รกร้างว่างเปล่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจำเลยบุกรุกเข้าครอบครองที่ผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ม.๙,๑๐๘ ปรับ ๓๐๐ บาท
จำเลยฎีกาต่อมา ศาลชั้นต้นรับฎีกาข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับสภาพที่ซึ่งหาว่าจำเลยทำการบุกรุกไว้แล้วว่า เป็นที่ในตำบลกระบี่ใหญ่ ซึ่งจำเลยเข้าไปกั้นรั้วเป็นอาณาเขตและปลูกโรงเรือนลงไปด้วย จำเลยย่อมเข้าใจข้อหาได้ดี จึงให้การต่อสู้ถูกต้องว่า ซื้อมาจากนางเฟื่องพิพากษายืน