แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยเป็นตำรวจมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายก็ตามก็ลงโทษจำเลยฐานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 142 ไม่ได้ ในเมื่อจำเลยสมคบกับพวกพยายามลักทรัพย์ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์เสียเอง จึงมิได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือจำเลยอื่นกระทำผิดหรือช่วยเหลือให้พ้นอาญา
บทบัญญัติตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา142 เป็นกรณีเจ้าพนักงานช่วยเหลือผู้กระทำผิดมิให้ต้องรับอาญามิใช่เอาผิดแก่เจ้าพนักงานผู้กระทำผิดเสียเอง
ย่อยาว
คดีนี้ เดิมจำเลยทั้ง 3 ให้การปฏิเสธฟ้อง แต่เมื่อระหว่างสืบพยานโจทก์ปากที่ 2 จำเลยทั้ง 3 กลับให้การใหม่รับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 3 มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293, 294, 325, 63, 60 ให้รวมกระทงลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 4 ปี รับลดกึ่งตามมาตรา 59 คงจำคุกคนละ 2 ปี เฉพาะจำเลยที่ 1ผิดตามมาตรา 129 ด้วยให้จำคุกในฐานนี้อีก 6 เดือน รับลดกึ่งเหลือ 3 เดือนรวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 3 เดือน มีดของกลางริบและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ส่วนความผิดตามมาตรา 142 นั้นไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ได้ถูกใช้ให้สืบเสาะไต่สวนคดีอาญา จึงไม่มีความผิดตามมาตรานี้
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 142 ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 129 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2477(ฉบับที่ 2) มาตรา 3 จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 4 ปี 6 เดือน รับลดกึ่งคงจำคุก 2 ปี 3 เดือน นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 142
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยที่ 1 เป็นตำรวจมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหมายก็ตาม ก็ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 142 ไม่ได้เพราะจำเลยที่ 1 สมคบกับพวกพยายามลักทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์เสียเองจึงมิได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือจำเลยอื่นกระทำผิดหรือช่วยเหลือให้พ้นอาญา บทบัญญัติตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 142 นี้ เป็นกรณีเจ้าพนักงานช่วยเหลือผู้กระทำผิดมิให้ต้องรับอาญา มิใช่เอาผิดแก่เจ้าพนักงานผู้กระทำผิดเสียเอง
พิพากษายืน