แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อจำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายที่เข้าไปลักทรัพย์ของจำเลยที่ใต้ถุนเรือน การที่จำเลยวิ่งไล่ตามผู้เสียหายออกไปนอกบ้าน ย่อมเป็นการใช้สิทธิกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนได้ แต่การที่จำเลยใช้มีดแทงถูกหลังผู้เสียหาย 4 แผลที่ข้อศอก 1 แผลขณะที่วิ่งไล่ไปทัน โดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาวุธหรือแสดงอาการขัดขืนต่อสู้ จึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่านายไล่หรือไล่เพชรแดง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ โดยจำเลยใช้มีดแทงด้วยเจตนาฆ่า แต่มีคนมาแยกจำเลยออกเสียก่อน และแพทย์รักษาไว้ได้ทันท่วงที นายไล่หรือไล้จึงไม่ตายเพียงเกิดอันตรายแก่กาย
จำเลยให้การว่า มีเจตนาเพียงทำร้ายนายไล่เพื่อป้องกันทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเข้าใจว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายลักทรัพย์ จึงวิ่งไล่ตามไปและใช้มีดแทงถูกผู้เสียหายโดยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายไม่มีอาวุธที่จะใช้ทำร้ายโต้ตอบ จึงถือว่าจำเลยยังไม่จำต้องทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน พิพากษาว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน
โจทก์อุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์ว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของจำเลยเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๙ พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ ประกอบด้วยมาตรา ๖๙ จำคุก ๖ เดือน
โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นป้องกัน ขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนมาว่า คืนเกิดเหตุเวลา ๒ ทุ่ม จำเลยนั่งคุยอยู่กับนายเพิ่มนางถนอมบนเรือน ได้ยินเสียงคนสะดุดไม้ที่ใต้ถุนเรือนซึ่งจำเลยใช้เป็นที่เก็บยางพารา ๖ แผ่น รถจักรยานสองล้อ ๑ คัน จำเลยจึงให้นางถนอมส่องไฟตะเกียงจากบนเรือนเพื่อจะดูคนร้าย ก็พอดีผู้เสียหายวิ่งออกมาจากทางใต้ถุนเรือนไปทางหน้าบ้าน จำเลยจึงวิ่งไล่ตามผู้เสียหายออกไปนอกบ้าน ระหว่างที่ไล่กันไปนั้น จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายที่หลังหลายทีแล้วกอดปล้ำล้มลง นายเพิ่มตามมาทันได้ห้ามและแยกจากกัน
วินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยได้ยินเสียงคล้ายมีคนกำลังเข้าไปลักทรัพย์ของจำเลยที่ใต้ถุนเรือนซึ่งจำเลยใช้เป็นที่เก็บยางพาราและรถจักรยานของจำเลย แล้วจำเลยลงเรือนไปดู ผู้เสียหายก็วิ่งออกจากใต้ถุนเรือนของจำเลยไปในขณะนั้น ประกอบกับขณะนั้นก็เป็นเวลามืดค่ำแล้ว พฤติการณ์ดังกล่าวมีเหตุให้น่าเชื่อว่าจำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายที่เข้าไปลักทรัพย์ของจำเลย และกำลังวิ่งหนีออกไป จำเลยจึงชอบที่จะใช้สิทธิกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนได้
ปัญหาว่า การที่จำเลยวิ่งไล่แล้วใช้มีดแทงผู้เสียหายถูกที่หลังหลายที ในพฤติการณ์เช่นนี้จะเป็นป้องกันสิทธิพอสมควรแก่เหตุหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยวิ่งไล่ตามผู้เสียหายออกไปนอกบ้านโดยจำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายที่เข้าไปลักทรัพย์ที่ใต้ถุนเรือนของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิในทรัพย์สินของตนพอสมควรแก่เหตุ แต่การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายถูกที่หลัง ๔ แผล ที่ข้อศอก ๑ แผล เมื่อวิ่งไล่ไปทันผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาวุธหรือแสดงอาการขัดขืนต่อสู้จำเลยแต่อย่างใด เช่นนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๙ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาชอบแล้ว
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์