คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8328/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางและพิพากษาให้เป็นไปตามคำฟ้องของโจทก์ทุกประการเป็นคำขอที่เกินเลยไปจากคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ที่อุทธรณ์คัดค้านเฉพาะแต่เรื่องการไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศจึงไม่อาจวินิจฉัยและพิพากษาตามคำขอของโจทก์ในข้อนี้ให้ได้
ผู้รับมอบอำนาจโจทก์กำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ โดยไม่คำนึงว่าทนายโจทก์จะว่างมาว่าความให้โจทก์ได้หรือไม่ รวมทั้งมิได้แจ้งวันนัดให้ทนายโจทก์ทราบ ถือว่าเป็นความบกพร่องของผู้รับมอบอำนาจโจทก์เอง และแสดงให้เห็นว่าทนายโจทก์ไม่เอาใจใส่ในคดีของโจทก์ ทั้งเมื่อนับจากวันที่มีการกำหนดนัดสืบพยานจนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าวก็เป็นระยะเวลานานถึง 71 วัน หากเกิดเหตุผิดพลาดทำให้ทนายโจทก์นัดซ้อนวันกับศาลอื่น ก็ชอบที่ฝ่ายโจทก์จะต้องรีบร้องขอเลื่อนคดีนี้เสียแต่เนิ่น ๆ แต่ฝ่ายโจทก์ก็หาได้กระทำไม่ พฤติการณ์ที่ฝ่ายโจทก์มิได้ให้ความสำคัญแก่วันเวลานัดของศาล กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ฝ่ายโจทก์เลื่อนคดีได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๒๗, ๒๘, ๒๙, ๓๑, ๖๙ และ ๗๐ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีโจทก์มีมูลเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๖๙ และ ๗๐ ประกอบมาตรา ๒๗, ๒๘ และ ๓๑ ให้ประทับฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามบทมาตราดังกล่าวไว้พิจารณา
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอ้างว่าทนายโจทก์ติดว่าความคดีเรื่องอื่นที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้ว มีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบส่วนจำเลยทั้งสามแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น ถือว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดตามข้อหาที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้ประทับฟ้องไว้ และพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับข้อที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางและพิพากษาให้เป็นไปตามคำฟ้องของโจทก์ทุกประการนั้น เห็นว่า เป็นคำขอที่เกินเลยไปจากคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ที่อุทธรณ์คัดค้านเฉพาะแต่เรื่องการไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีเท่านั้น โดยโจทก์มิได้อุทธรณ์คัดค้านว่าที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบถือว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามได้กระทำความผิดตามฟ้องนั้นไม่ถูกต้องอย่างไรบ้าง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศจึงไม่อาจวินิจฉัยและพิพากษาตามคำขอของโจทก์ในข้อนี้ให้ได้
คดีคงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงว่า มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและย้อนสำนวนไปให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางทำการพิจารณาและพิพากษาใหม่หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในวันนัดสอบคำให้การจำเลยเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๓ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ จำเลยทั้งสาม ทนายจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ มาศาล และจำเลยทั้งสามยื่นคำให้การปฏิเสธ คู่ความขอสืบพยานโดยผู้รับมอบอำนาจโจทก์แถลงว่าโจทก์มีพยาน ๒ ปาก ขอวันนัด ๑ นัด ส่วนจำเลยทั้งสามแถลงว่า จำเลยทั้งสามมีพยาน ๔ ปาก ขอวันนัด ๒ นัด ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจึงกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ กับนัดสืบพยานจำเลยทั้งสามในวันที่ ๒๓ และ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ ทั้งสองวันตามที่โจทก์ จำเลยทั้งสาม และศาลมีวันว่างตรงกัน ในวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าว จำเลยทั้งสามและทนายจำเลยทั้งสามมาศาล ส่วนผู้รับมอบอำนาจโจทก์ และทนายโจทก์ไม่มาศาล แต่ทนายโจทก์ได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นต่อศาล โดยอ้างว่า ทนายโจทก์ติดว่าความคดีเรื่องอื่นที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ซึ่งได้นัดไว้ก่อนแล้ว โดยนัดที่แล้วของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ได้กำหนดวันนัดโดยมิได้แจ้งให้ทนายโจทก์ทราบก่อน เห็นว่า ในการกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าว ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ จำเลยทั้งสามกับทนายจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ และศาลได้ร่วมกันกำหนดตามที่ทุกฝ่ายมีวันว่างตรงกัน การที่ผู้รับมอบอำนาจโจทก์กำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าวโดยไม่คำนึงว่าทนายโจทก์จะว่างมาว่าความให้โจทก์ได้หรือไม่ รวมทั้งมิได้แจ้งวันนัดให้ทนายโจทก์ทราบนั้น ถือว่าเป็นความบกพร่องของผู้รับมอบอำนาจโจทก์เอง และแสดงให้เห็นว่าทนายโจทก์ไม่เอาใจใส่ในคดีของโจทก์ จึงไม่ได้ให้วันว่างแก่ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ไว้หรือมิได้ติดต่อสอบถามผู้รับมอบอำนาจโจทก์เกี่ยวกับวันนัดของศาล ทั้งเมื่อนับจากวันที่มีการกำหนดนัดสืบพยานจนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าวก็เป็นระยะเวลานานถึง ๗๑ วัน หากเกิดเหตุผิดพลาดทำให้ทนายโจทก์นัดซ้อนวันกับศาลอื่น ก็ชอบที่ฝ่ายโจทก์จะต้องรีบร้องขอเลื่อนคดีนี้เสียแต่เนิ่น ๆ แต่ฝ่ายโจทก์ก็หาได้กระทำไม่ พฤติการณ์ของผู้รับมอบอำนาจโจทก์และทนายโจทก์ดังกล่าวจึงชี้ให้เห็นว่าฝ่ายโจทก์มิได้ให้ความสำคัญแก่วันเวลานัดของศาลเลย กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ฝ่ายโจทก์เลื่อนคดีได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้เห็นว่าจำเลยทั้งสาม กระทำความผิดตามฐานความผิดที่ศาลประทับฟ้องไว้ และพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share