คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8887/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีและหนี้เงินกู้อื่นโดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันและจำนอง จำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยให้แก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 ยังมิได้เบิกเงินเกินวงเงินที่ตกลงไว้ จำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้ผิดสัญญา แต่โจทก์ไม่ยอมให้จำเลยที่ 1 กู้เงินเพื่อชำระค่าเช่าที่ดินและขุดบ่อเลี้ยงปลาให้แก่บุคคลภายนอก จึงให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับฟ้องโจทก์ ดังนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสาม

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีและหนี้เงินกู้อื่นรวม ๑๘,๗๑๗,๒๓๔.๐๙ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ในฐานะที่จำเลยที่ ๑ เป็นผู้กู้ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันและจำนอง และจำเลยที่ ๓ เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ กู้ยืมเงินจากโจทก์เป็นจำนวน ๘,๐๐๐,๐๐ บาท และได้ชำระคืนแก่โจทก์แล้วบางส่วน คงเหลือยอดค้างชำระเพียง ๔,๐๐๐,๐๐๐ บาทเศษ จำเลยที่ ๑ ยังมิได้เบิกเงินเกินวงเงินที่ตกลงไว้กับโจทก์ จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มิได้ผิดสัญญาแต่โจทก์กลับไม่ยอมให้จำเลยที่ ๑ กู้ยืมเงินเพื่อชำระค่าเช่าที่ดินและขุดบ่อเลี้ยงปลารวมจำนวน ๑๒๕,๐๐๐ บาท ให้แก่นายแสวง อรุณเนตร ขอให้ยกฟ้อง และขอให้บังคับโจทก์ชดใช้ค่าเสียหาย ๑๒๕,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่นายแสวงแทนจำเลยที่ ๑ และที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วสั่งรับเฉพาะคำให้การ ส่วนฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมจึงไม่รับ
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลในส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องแย้งแก่จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์ ๑,๐๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ว่า ฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีและหนี้เงินกู้อื่นโดยอ้างว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้กู้ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันและจำนอง จำเลยที่ ๓ เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยให้แก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ โดยอ้างว่า จำเลยที่ ๑ ยังมิได้เบิกเงินเกินวงเงินที่ตกลงกันไว้ จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มิได้ผิดสัญญา แต่โจทก์ไม่ยอมให้จำเลยที่ ๑ กู้เงินเพื่อชำระค่าเช่าที่ดินและขุดบ่อเลี้ยงปลารวมเป็นเงินจำนวน ๑๒๕,๐๐๐ บาท ให้แก่บุคคลภายนอก ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับฟ้องโจทก์เพราะการที่จำเลยที่ ๑ ไม่มีเงินไม่ชำระค่าเช่าที่ดินและขุดบ่อเลี้ยงปลาเป็นเรื่องของจำเลยที่ ๑ ไม่เกี่ยวกับโจทก์ ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๗ วรรคสาม ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ นั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน โจทก์ไม่ได้แก้ฎีกา จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.

นายตุล เมฆยงค์ ผู้ช่วยฯ
นางสาวสุดรัก สุขสว่าง ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายชัยรัตน์ เบ็ญจะมโน ผู้ช่วยฯ/ตรวจ

Share