คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6891/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดพันธบัตรของจำเลยไว้ชั่วคราว ก่อนพิพากษา ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชนะคดี โดยมิได้กล่าวถึงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาหากโจทก์ประสงค์ให้คำสั่งวิธีการชั่วคราวนั้นมีผลใช้บังคับต่อไป โจทก์จะต้องยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าโจทก์ประสงค์จะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษานั้นและมีเหตุอันสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งให้วิธีการชั่วคราวเช่นว่านั้นยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป เพื่อให้ศาลชั้นต้นพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่ามีเหตุอันสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งให้วิธีการชั่วคราวเช่นว่านั้นยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปหรือไม่ เมื่อโจทก์ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา แต่โจทก์มิได้ยื่นคำขอดังที่กล่าวข้างต้น คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวจึงเป็นอันยกเลิกเมื่อพ้นกำหนดเวลา 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 260 (1)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการจัดการสินสมรสของนายวินัย ซึ่งเป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ เป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้พิพากษาว่า การจัดการสินสมรสที่นายวินัยถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรรัฐบาลไว้เพื่อจำเลยเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายและมีคำสั่งว่านิติกรรมการให้พันธบัตรรัฐบาลระหว่างนายวินัยกับจำเลยเป็นโมฆะและให้จำเลยคืนทรัพย์สินทั้งบัญชีเงินฝาก พันธบัตร กับคืนเงินเต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของจำนวนเงินที่จำเลยเบียดบังไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายจนกว่าจำเลยจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดพันธบัตรเลขที่ 900141123 ถึง 900141210 ของจำเลยไว้ชั่วคราว ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 จำเลยยื่นคำร้องขอให้สั่งเพิกถอนคำสั่งอายัดดังกล่าว
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวมีคำสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นตัดสินให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีเต็มตามข้อหา โจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้มีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวที่ให้อายัดพันธบัตรเลขที่ 900141123 ถึง 900141210 คงมีผลต่อไป คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงถือว่าเป็นอันยกเลิกไปแล้ว เมื่อพ้นกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 (1) การที่จำเลยมายื่นคำร้องขอให้สั่งเพิกถอนคำสั่งอายัดที่ยกเลิกไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องวินิจฉัยให้ ให้ยกคำร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่า การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์จะเป็นเหตุให้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อายัดพันธบัตรเลขที่ 900141123 ถึง 900141210 ของจำเลยไว้ชั่วคราวในระหว่างพิจารณาถูกยกเลิกไปหรือไม่ โจทก์ฎีกาอ้างว่า แม้โจทก์มิได้ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้มีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวในระหว่างการพิจารณามีผลใช้บังคับต่อไปจนพ้นระยะเวลา 7 วัน นับแต่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นภายในระยะเวลา 7 วัน คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งคุ้มครองย่อมมีผลใช้บังคับต่อไปนั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 บัญญัติว่า ในกรณีที่คำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีมิได้กล่าวถึงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาที่ศาลได้สั่งไว้ในระหว่างการพิจารณา (1) ถ้าคดีนั้นศาลตัดสินให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีเต็มตามข้อหาหรือบางส่วน คำสั่งของศาลเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวในส่วนที่จำเลยชนะคดีนั้น ให้ถือว่าเป็นอันยกเลิกเมื่อพ้นกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง เว้นแต่โจทก์จะได้ยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดเวลาดังกล่าว แสดงว่าตนประสงค์จะยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น และมีเหตุอันสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งให้วิธีการชั่วคราวเช่นว่านั้นยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป ในกรณีเช่นว่านี้ ถ้าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอของโจทก์ คำสั่งของศาลให้เป็นที่สุด ถ้าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้วิธีการชั่วคราวยังมีผลใช้บังคับต่อไป คำสั่งของศาลชั้นต้นให้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดยื่นอุทธรณ์หรือฎีกา หรือศาลมีคำสั่งถึงที่สุดไม่รับอุทธรณ์หรือฎีกา แล้วแต่กรณี เมื่อมีการอุทธรณ์หรือฎีกาแล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นให้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ตามบทบัญญัติแห่งมาตราที่ว่านี้ เห็นได้ว่า กฎหมายมุ่งประสงค์ให้โจทก์ที่เป็นฝ่ายขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษามีหน้าที่ยื่นคำขอต่อศาลโดยหากโจทก์ประสงค์ให้คำสั่งวิธีการชั่วคราวนั้นมีผลใช้บังคับต่อไปในกรณีที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ให้จำเลยชนะคดี โจทก์จะต้องยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่อศาลชั้นต้นภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เพื่อให้ศาลชั้นต้นพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่ามีเหตุอันสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งให้วิธีการชั่วคราวเช่นว่านั้นยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปหรือไม่ ซึ่งถ้าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอของโจทก์ คำสั่งของศาลชั้นต้นให้เป็นที่สุด ถ้าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้วิธีการชั่วคราวยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงจะมีผลใช้บังคับต่อไป คดีนี้ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีอันเป็นต้นเหตุแห่งการอายัดพันธบัตรรายนี้แล้วและในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็มิได้กล่าวถึงวิธีการชั่วคราวที่ศาลชั้นต้นได้สั่งอายัดพันธบัตรไว้นั้นแต่ประการใด คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงเป็นอันยกเลิกไปในตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 (1) เมื่อโจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เพื่อให้ศาลชั้นต้นพิจารณาอีกครั้งว่ามีเหตุสมควรประการใดที่จะให้คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป ดังนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นอันยกเลิกไปเมื่อพ้นกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จึงชอบแล้ว คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5973/2541 ที่โจทก์อ้างมานั้น เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้น แต่โจทก์ยื่นอุทธรณ์และยื่นคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ข้อเท็จจริงจึงไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share