แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ให้อำนาจโจทก์หรือจำเลยที่จะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องหรือคำให้การของตนหาได้เป็นบทบัญญัติบังคับศาลที่ต้องอนุญาตตามคำร้องของโจทก์จำเลยเสมอไปไม่ เมื่อตามคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยภายหลังการชี้สองสถานจะอ้างว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่เมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า “จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงใด” โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก็ต้องนำสืบถึงยอดหนี้และดอกเบี้ยที่โจทก์คิดจากจำเลยอยู่แล้ว และจำเลยก็สามารถสืบหักล้างว่าดอกเบี้ยที่ถูกต้องตามกฎหมายที่โจทก์มีสิทธิคิดจากจำเลยมีเพียงใดได้ จึงไม่มีเหตุควรที่จะอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การตามคำร้องอีก
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป 2,000,000 บาทดอกเบี้ยอัตราสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อทั่วไปตามที่โจทก์ประกาศกำหนดซึ่งขณะทำสัญญากำหนดอัตราร้อยละ 13.34 ต่อปี ผ่อนชำระต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นรายเดือน จำเลยจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกัน จำเลยผิดนัด โจทก์ทวงถามและบอกกล่าวบังคับจำนองแล้วจำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ยอดหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามฟ้องไม่ถูกต้อง โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยผิดนัดอัตราร้อยละ 19.75 ต่อปี เนื่องจากกำหนดไว้ล่วงหน้าจึงเป็นเบี้ยปรับการบอกกล่าวบังคับจำนองไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
หลังวันชี้สองสถานแต่อยู่ระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาตามฎีกาจำเลยมีเพียงว่าสมควรอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ ซึ่งจำเลยยื่นขอแก้ไขภายหลังการชี้สองสถานแล้วหรือไม่ ปัญหานี้จำเลยฎีกาว่า คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยที่ว่า “โจทก์เรียกเก็บดอกเบี้ยจากจำเลยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด” เป็นคำร้องขอแก้ไขคำให้การที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลต้องอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การตามคำร้อง เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180 ให้อำนาจจำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การภายหลังศาลชี้สองสถานแล้วได้ถ้าการแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การเป็นการแก้ไขในปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้น เห็นว่า บทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ที่ให้อำนาจโจทก์หรือจำเลยขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องหรือคำให้การได้ภายหลังวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวันในกรณีไม่มีการชี้สองสถานอยู่สองกรณีคือ
(1) การขอแก้ไขเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
(2) เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย
เป็นบทบัญญัติให้อำนาจโจทก์หรือจำเลยที่จะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องหรือคำให้การของตน หาได้เป็นบทบัญญัติบังคับศาลที่จะต้องอนุญาตตามคำร้องของโจทก์จำเลยเสมอไป เมื่อศาลพิจารณาคำร้องโจทก์จำเลยแล้วเมื่อมีเหตุอันสมควรศาลก็สามารถใช้ดุลพินิจอนุญาตหรือไม่อนุญาตตามคำร้องของโจทก์จำเลยได้ ซึ่งศาลจะพิจารณาคำร้องเป็นเรื่อง ๆ ไป กรณีตามคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การจำเลยภายหลังการชี้สองสถานคดีนี้แม้จะเป็นการขอแก้ไขเพิ่มเติมอ้างเหตุว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อ 3 ว่า “จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงใด” ตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 18 ธันวาคม 2541 โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก็ต้องนำสืบถึงยอดหนี้และดอกเบี้ยที่โจทก์คิดจากจำเลยอยู่แล้วตามประเด็นข้อ 3 ดังกล่าว และจำเลยก็สามารถสืบหักล้างว่า ดอกเบี้ยที่ถูกต้องตามกฎหมายที่โจทก์มีสิทธิคิดจากจำเลยมีเพียงใดได้ กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การตามคำร้องอีก ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน