คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองเป็นหุ้นส่วนร่วมกันก่อสร้างบ้านพักรับรอง จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 ได้ทำข้อตกลงกับโจทก์ ณ ที่ทำการบริษัทโจทก์ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดลำปาง ให้โจทก์ติดต่อซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างจากบริษัท ล. ในนามของโจทก์เพื่อนำไปก่อสร้างบ้านพักรับรองแล้วจำเลยที่ 2 จะชำระเงินให้บริษัท ล. ในนามของโจทก์หากบริษัท ล. เรียกเก็บเงินค่าสินค้าและค่าเสียหายที่จำเลยที่ 2สั่งซื้อไปในนามโจทก์และโจทก์ชำระเงินให้แก่บริษัท ล. ไป จำเลยที่ 2 จะชดใช้คืน จึงได้มีการติดต่อเปิดเครดิตกับบริษัท ล. โดยทางโทรศัพท์และโทรสาร ซึ่งบริษัท ล. ตกลงด้วย แม้บริษัท ล. มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดอุตรดิตถ์ แต่ข้อตกลงในการเจรจาติดต่อเปิดเครดิตในการซื้อสินค้าเป็นสัญญาประเภทหนึ่งซึ่งมีคู่สัญญาสามฝ่ายคือ ฝ่ายโจทก์ ฝ่ายจำเลยทั้งสองโดยจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 และฝ่ายบริษัทล. โดยการทำข้อตกลงเพื่อเปิดเครดิตได้ติดต่อกันทางโทรศัพท์และโทรสารระหว่างจังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดลำปาง ดังนั้น มูลคดีในการก่อให้เกิดสัญญาสามฝ่ายเกี่ยวกับการทำข้อตกลงในการเปิดเครดิต จึงเกี่ยวเนื่องกันทั้งในเขตอำนาจทั้งศาลจังหวัดลำปาง และศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ดังนั้น ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน โดยประสงค์จะแบ่งผลกำไร จำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนของจำเลยที่ 1 หรือตัวแทนของจำเลยที่ 1ตกลงกับโจทก์ติดต่อซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างจากบริษัทเล็กย่งหลี จำกัด ให้แก่จำเลยที่ 2 ในนามของโจทก์เพื่อไปก่อสร้าง เมื่อจำเลยที่ 2 ได้รับเงินค่าก่อสร้างแล้ว จำเลยที่ 2 จะชำระเงินให้บริษัทเล็กย่งหลี จำกัด ในนามของโจทก์หากโจทก์ชำระเงินค่าสินค้าดังกล่าวแทนไปก่อน จำเลยที่ 2 สัญญาว่าจะชดใช้คืนทันทีจำเลยที่ 2 เอาสินค้าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างไปจากบริษัทเล็กย่งหลี จำกัด ในนามของโจทก์หลายรายการ จำเลยที่ 2 ค้างชำระ 165,690 บาท บริษัทเล็กย่งหลี จำกัดจึงเรียกเก็บเงินส่วนที่ค้างชำระจากโจทก์ โจทก์ชำระแทนจำเลยที่ 2 ไปแล้ว ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันใช้เงินจำนวน 202,886 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 193,225 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มิใช่หุ้นส่วนหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2แต่เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างแต่เพียงผู้เดียว แล้วจ้างแรงงานจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1เป็นผู้จัดหาวัสดุอุปกรณ์การก่อสร้างทั้งหมดให้จำเลยที่ 2 มูลคดีมิได้เกิดขึ้นในเขตอำนาจศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์) และโจทก์กับจำเลยที่ 2 มิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์) โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน202,886 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 193,225 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติโดยคู่ความไม่โต้แย้งในชั้นนี้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นหุ้นส่วนร่วมกันก่อสร้างบ้านพักรับรองข้าราชการของหน่วยอนุรักษ์ทรัพยากรประมงน้ำจืดเขื่อนสิริกิติ์ และจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1ได้ทำข้อตกลงกับโจทก์ ณ ที่ทำการบริษัทโจทก์ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดลำปาง ให้โจทก์ติดต่อซื้อสินค้าจำพวกวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างบริษัทเล็กย่งหลี จำกัด ในนามของโจทก์เพื่อนำไปก่อสร้างบ้านพักรับรองแล้วจำเลยที่ 2 จะชำระเงินให้บริษัทเล็กย่งหลี จำกัด ในนามของโจทก์ หากบริษัทเล็กย่งหลี จำกัด เรียกเก็บเงินค่าสินค้าและค่าเสียหายที่จำเลยที่ 2 สั่งซื้อไปในนามโจทก์และโจทก์ชำระเงินให้แก่บริษัทเล็กย่งหลี จำกัด ไป จำเลยที่ 2 จะชดใช้คืน จึงได้มีการติดต่อเปิดเครดิตกับบริษัทเล็กยงหลี จำกัดโดยทางโทรศัพท์และโทรสาร ซึ่งบริษัทเล็กย่งหลี จำกัด ตกลงตามข้อตกลงดังกล่าวต่อมาจำเลยที่ 2 ได้นำวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างไปจากบริษัทเล็กย่งหลี จำกัด หลายรายการและโจทก์ได้ชำระเงินให้แก่บริษัทเล็กย่งหลี จำกัด ไปจำนวน 202,886 บาท ตามข้อตกลงข้างต้น มีปัญหาตามที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าการเจรจาติดต่อเปิดเครดิตในการซื้อสินค้าดังกล่าว ใช้ติดต่อทางโทรศัพท์และโทรสาร โดยจำเลยที่ 2 มาเจรจาที่บริษัทโจทก์ ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดลำปาง ได้มีการโทรศัพท์และโทรสารกับบริษัทเล็กย่งหลี จำกัด สัญญาเปิดเครดิตได้สมบูรณ์แล้ว ก่อนมีการสั่งซื้อและส่งมอบสินค้ามูลคดีจึงเกิดในเขตอำนาจศาลจังหวัดลำปาง ศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์)จึงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้นั้น เห็นว่า แม้บริษัทเล็กย่งหลี จำกัด มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดอุตรดิตถ์ ในเขตศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์) แต่ข้อตกลงในการเจรจาติดต่อเปิดเครดิตในการซื้อสินค้าเป็นสัญญาประเภทหนึ่ง ซึ่งมีคู่สัญญาสามฝ่ายคือ ฝ่ายโจทก์ ฝ่ายจำเลยทั้งสองโดยจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 และฝ่ายบริษัทเล็กย่งหลี จำกัด โดยการทำข้อตกลงเพื่อเปิดเครดิตได้ติดต่อกันทางโทรศัพท์และโทรสารระหว่างจังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดลำปาง ดังนั้น มูลคดีในการก่อให้เกิดสัญญาสามฝ่ายเกี่ยวกับการทำข้อตกลงในการเปิดเครดิตจึงเกี่ยวเนื่องกันทั้งในเขตอำนาจทั้งศาลจังหวัดลำปาง และศาลชั้นต้น (จังหวัดอุตรดิตถ์) ดังนี้ ศาลชั้นต้น(จังหวัดอุตรดิตถ์) จึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ ฎีกาจำเลยที่ 1 ปัญหานี้ฟังไม่ขึ้น

ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า จำนวนเงินตามฟ้องที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งสองรับผิดชำระแก่โจทก์นั้นเป็นจำนวนเงินที่รวมดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อเดือน ซึ่งเกิดอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนด จึงเป็นยอดหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่า ปัญหาดังกล่าวแม้จำเลยที่ 1จะไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การและยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง การที่โจทก์ได้คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน ตามที่ตกลงกันไว้รวมเข้าในจำนวนเงินตามฟ้องนั้น เห็นว่า มูลหนี้เกิดจากสัญญาที่จำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนของจำเลยที่ 1ตกลงกับโจทก์ซื้อสินค้าจำพวกวัสดุอุปกรณ์จากบริษัทเล็กย่งหลี จำกัด ให้แก่จำเลยที่ 2ในนามของโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 2 ค้างชำระบริษัทเล็กย่งหลี จำกัด จึงเรียกจากโจทก์พร้อมดอกเบี้ยดังกล่าว เมื่อโจทก์ได้ชำระไปแล้วจึงมาฟ้องเรียกคืนจากจำเลยทั้งสองกรณีไม่ใช่เป็นเรื่องการกู้ยืมเงินจึงไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 และพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3 ยอดหนี้ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share