คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6868/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์ที่โจทก์ถูกจำเลยใช้กำลังข่มขู่บังคับจากจังหวัดสมุทรปราการให้จำต้องมาที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ต้องถูกควบคุมตัวอยู่ตลอดเวลา 12 วัน และถูกล่วงละเมิดทางเพศ แม้ขณะจดทะเบียนสมรสก็ยังอยู่ในความควบคุมของจำเลยเช่นนี้ โจทก์เพียงลำพังย่อมต้องเกรงกลัวการบังคับและคำขู่ของจำเลยที่ว่าจะไม่พาโจทก์กลับบ้านจะทำร้ายร่างกายและพาโจทก์ไปอยู่ในป่าหากไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับจำเลย วิญญูชนที่ตกอยู่ในภาวะการณ์เช่นนี้ย่อมมีมูลต้องเกรงกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกายและเสรีภาพของตนหากไม่ยินยอมปฏิบัติตนตามคำข่มขู่เช่นเดียวกับโจทก์ การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นการสมรสโดยถูกข่มขู่อันถึงขนาดซึ่งถ้ามิได้มีการข่มขู่นั้นโจทก์จะไม่ทำการสมรสกับจำเลย การสมรสจึงเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1507 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ(ที่ถูกคือโมฆียะ) และให้เพิกถอนการสมรส

จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยตามทะเบียนการสมรสสำนักทะเบียนอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เลขทะเบียนที่ 55/7123 ลงวันที่3 กุมภาพันธ์ 2538 เป็นโมฆียะ ให้เพิกถอนการสมรส

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2538 เวลาประมาณ 17 นาฬิกา ขณะที่โจทก์และนางสาวบังอรแพรสุวรรณ พี่สาว กำลังจะเดินลงเรือข้ามฟากที่ท่าเรือบางพลีน้อย จำเลยกับพวกรวม6 คน ใช้กำลังอุ้มโจทก์ขึ้นรถยนต์กระบะ แล้วนำตัวไปพักที่บ้านญาติของจำเลยที่ตำบลบางขนาก อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ขณะที่พักอยู่ด้วยกัน จำเลยร่วมประเวณีกับโจทก์ 2 ครั้ง ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2538 จำเลยกับญาติของจำเลยพาโจทก์ไปจดทะเบียนสมรสที่ที่ว่าการอำเภอบางน้ำเปรี้ยวตามสำเนาทะเบียนการสมรสและใบสำคัญการสมรสเอกสารหมาย จ.1 และ ล.1 หลังจากนั้นจำเลยไปขอขมาบิดามารดาโจทก์ และมอบเงินให้ 100,000 บาท หลังจากขอขมาแล้วในวันรุ่งขึ้นบิดามารดาโจทก์ไปรับตัวโจทก์ที่บ้านของจำเลยกลับไป

คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆียะเพราะถูกข่มขู่หรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าก่อนมีการจดทะเบียนสมรสจากจำเลยกับพวกใช้กำลังบังคับขู่เข็ญให้จำต้องนั่งรถยนต์ไปกับจำเลยจากจังหวัดสมุทรปราการไปยังจังหวัดฉะเชิงเทราโดยมีจำเลยกับพวกอย่างน้อย 2 คนคอยควบคุมตัวไว้มิให้หลบหนี ทั้งยังถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราระหว่างพักที่บ้านญาติจำเลยด้วย โจทก์ซึ่งเป็นหญิงคนเดียวอยู่ในกลุ่มพวกจำเลยย่อมมีความเกรงกลัวจำเลยเป็นปกติวิสัย หากโจทก์จำเลยรักใคร่ชอบพอกันฉันชู้สาวจนถึงขั้นจะสมรสกันก็สามารถไปจดทะเบียนสมรสที่จังหวัดสมุทรปราการได้โดยลำพังโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดาเพราะทั้งโจทก์และจำเลยต่างอายุ 25 ปี บรรลุนิติภาวะแล้ว นอกจากนี้วันที่มีการจดทะเบียนสมรส โจทก์นั่งรออยู่ในรถยนต์พร้อมกับพวกของจำเลย ส่วนจำเลยกับกำนันตำบลบางขนากขึ้นไปติดต่อขอจดทะเบียนสมรสโดยลำพังแล้วนำเอกสารมาให้โจทก์ลงลายมือชื่อในรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านนอก พฤติการณ์ที่โจทก์ถูกจำเลยใช้กำลังข่มขู่บังคับให้จำต้องมาที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ต้องถูกควบคุมตัวอยู่ตลอดเวลา 12 วันและถูกล่วงละเมิดทางเพศ แม้ขณะจดทะเบียนสมรสก็ยังอยู่ในความควบคุมของจำเลยเช่นนี้ โจทก์เพียงลำพังย่อมต้องเกรงกลัวการบังคับและคำขู่ของจำเลยที่ว่าจะไม่พาโจทก์กลับบ้าน จะทำร้ายร่างกายและพาโจทก์ไปอยู่ในป่าหากไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับจำเลย วิญญูชนที่ตกอยู่ในภาวะการณ์เช่นนี้ย่อมมีมูลต้องเกรงกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกายและเสรีภาพของตนหากไม่ยินยอมปฏิบัติตนตามคำข่มขู่เช่นเดียวกับโจทก์การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นการสมรสโดยถูกข่มขู่อันถึงขนาดซึ่งถ้ามิได้มีการข่มขู่นั้นโจทก์จะไม่ทำการสมรสกับจำเลย การสมรสจึงเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1507 วรรคหนึ่ง

พิพากษายืน

Share