คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9634/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยบอกว่ามีคู่ชายหญิงพร้อมจะแลกเปลี่ยนคู่นอน แต่ต้องสมัครเป็นสมาชิกโดยเสียเงินค่าสมาชิก พร้อมทั้งนำหลักฐานคือทะเบียนสมรสและทะเบียนบ้านมาแสดง ต่อมาจำเลยแจ้งว่ามีคู่ที่จะแลกเปลี่ยนคู่นอนแล้วและได้นัดพบ เพื่อทำความรู้จักกัน จำเลยเป็นผู้ติดต่อให้ผู้อื่นทำการแลกเปลี่ยนคู่นอนกันได้และบุคคลทั้งสองได้ตกลงแลกเปลี่ยน คู่นอนกับสายลับของเจ้าพนักงานตำรวจแล้ว การที่จำเลยได้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารมาโดยตลอด แสวงหาผลประโยชน์จากสิ่งลามกอนาจาร อันขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมอันดีของประชาชน และจำเลยเป็นผู้ติดต่อชักชวนให้สมาชิกมาพบกันเพื่อมีการตกลงแลกเปลี่ยนคู่นอนกัน ซึ่งแม้สมาชิกจะตกลงยินยอมตามความสมัครใจกันเอง การกระทำของจำเลยก็ถือว่าเป็นธุระจัดหาหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิง แม้หญิงนั้นจะยินยอมก็ตาม อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 282 วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๘ เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นได้เป็นธุระจัดหาติดต่อชักชวนให้นายสราวุธ หอมมาลีและนางกาญจนา หอมมาลี ซึ่งเป็นสามีภริยากันกับนายลาส คาเซ็น และนางสาวภาวดี มะโนแป๊ก ซึ่งเป็นคู่รักกันทำการแลกเปลี่ยนคู่ร่วมประเวณีกัน อันเป็นการจัดหาและชักพานางกาญจนากับนางสาวภาวดีไปเพื่อการอนาจาร แม้หญิงจะยินยอมก็ตาม ขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๒๘๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๒๘๒ วรรคแรก จำคุก ๖ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า จำเลยได้ประกอบอาชีพแนะนำตอบปัญหาเรื่องเพศทางวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์มาหลายปีแล้ว และได้ใช้สถานที่ร้านเอส อาร์คาราโอเกะ ของนายสุรินทร์ ตระกูลเกษมสุข เป็นที่ให้คำปรึกษาแก่สมาชิกหนังสือไทยเพลย์บอย
ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจเอกไสว แช่มลำเจียก เบิกความว่า ได้รับคำสั่งจากกรมตำรวจ (ชื่อในขณะเกิดเหตุ) ให้ไปสืบสวนกรณีที่มีข่าวว่ามีการแลกเปลี่ยนคู่นอนกัน ที่ร้านเอส อาร์ คาราโอเกะ ซอยโชคชัย ๔ เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร พยานจึงได้วางแผนให้นายลาส คาเซ็น กับนางสาวภาวดี มะโนแป๊ก ซึ่งเป็นคู่รักกันไปที่สถานที่ดังกล่าวเพื่อวางแผนจับกุมผู้กระทำผิด นางสาวภาวดี มะโนแป๊ก เบิกความว่า ร้อยตำรวจเอกไสวได้ติดต่อให้พยานไปสืบเรื่องการสับเปลี่ยนคู่นอน เมื่อพยานไปที่ร้านเอส อาร์ คาราโอเกะ ได้พบกับจำเลยและบอกจำเลยว่าต้องการแลกเปลี่ยนคู่นอน จำเลยบอกว่ามีคู่ชายหญิงพร้อมจะแลกเปลี่ยนคู่นอน แต่คู่ดังกล่าวยังไม่พร้อม พยานจึงให้หมายเลขวิทยุติดตามตัวแก่จำเลยไว้ และจำเลยบอกด้วยว่าจะต้องสมัครเป็นสมาชิกโดยเสียเงินค่าสมาชิก พร้อมทั้งนำหลักฐานคือทะเบียนสมรสและทะเบียนบ้านมาแสดง ต่อมาวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๓๘ พยานได้รับข้อความทางวิทยุติดตามตัวจากจำเลยให้ติดต่อกลับไป เมื่อพยานโทรศัพท์ไปหาจำเลยแจ้งว่า มีคู่ที่จะแลกเปลี่ยนคู่นอนแล้วชื่อนายสราวุธและนางกาญจนา จึงได้นัดพบเพื่อทำความรู้จักกัน ต่อมาวันรุ่งขึ้นพยานกับนายลาสได้นัดนายสราวุธและนางกาญจนาเพื่อแลกเปลี่ยนคู่นอนกัน โดยนัดพบกันที่ร้านเอส อาร์ คาราโอเกะ และได้แจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจทราบว่า จะพากันไปที่โรงแรมราชาพาเลส เมื่อพยานไปถึงที่ร้านเอส อาร์ คาราโอเกะ ได้พบกับจำเลย จึงบอกให้ทราบว่าจะแลกคู่นอนกัน จำเลยพูดว่าตามสบายนะแล้วขอตัวไป ต่อมาพยานกับนายลาสและนายสราวุธกับนางกาญจนาพากันไปที่โรงแรมราชาพาเลส เมื่อไปถึงขณะที่นายสราวุธกำลังติดต่อห้องพัก เจ้าพนักงานตำรวจได้แสดงตัวแล้วเชิญนายสราวุธกับนางกาญจนาไปที่กองปราบปราม และนายลาส คาเซ็น เบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุร้อยตำรวจเอกไสวซึ่งรู้จักกันมาก่อนได้ขอให้พยานกับนางสาวภาวดีคนรักไปเป็นสายลับ แล้วพาพยานกับนางสาวภาวดีเข้าไปเที่ยวที่ร้านเอส อาร์ คาราโอเกะ เพื่อสืบข่าวเรื่องจำเลยติดต่อให้ชายหญิงมาแลกเปลี่ยนคู่นอนกัน พยานได้พบกับจำเลยและจำเลยแนะนำเรื่องแลกเปลี่ยนคู่นอนให้ ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๓๘ เวลาประมาณ ๒๑ นาฬิกา มีผู้ติดต่อทางวิทยุติดตามตัวให้พยานติดต่อกลับไปหา นางสาวภาวดีโทรศัพท์กลับไป จำเลยบอกว่าคืนนี้จะมีการแลกเปลี่ยนคู่นอน พยานกับนางสาวภาวดีจึงไปที่ร้านเอส อาร์ คาราโอเกะ พบชายหญิงที่จะมาแลกเปลี่ยนคู่นอนกับพยาน แต่พยานว่าติดธุระและขอนัดพบในวันรุ่งขึ้น ถึงวันนัดหมายพยานกับนางสาวภาวดีไปที่ร้านเดิมตามนัด และพบชายหญิงที่นัดหมายจะมาแลกเปลี่ยนคู่นอนได้มีการตกลงจะไปหลับนอนกันที่โรงแรมราชาพาเลส แล้วนางสาวภาวดีได้โทรศัพท์แจ้งให้ร้อยตำรวจเอกไสวทราบ ต่อมาร้อยตำรวจเอกไสวได้ตามไปจับกุมชายหญิงคู่ที่จะมาแลกเปลี่ยนคู่นอนกับพยานได้ที่โรงแรมดังกล่าว เห็นว่า นายลาสกับนางสาวภาวดีแม้จะเป็นสายลับของเจ้าพนักงานตำรวจก็ตาม แต่ไม่เคยรู้จักและมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน คำเบิกความของพยานทั้งสองมีความเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลต่อเนื่องกัน ไม่น่าจะเป็นการเสแสร้งสร้างเรื่องปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ เมื่อพิจารณาประกอบกับคำให้การชั้นสอบสวนของนายสราวุธและนางกาญจนา ที่รับว่าร้านเอส อาร์ คาราโอเกะ มีจำเลยเป็นผู้ติดต่อให้ผู้ที่มาเที่ยวทำการแลกเปลี่ยนคู่นอนกันได้ และบุคคลทั้งสองได้ตกลงแลกเปลี่ยนคู่นอนกับสายลับของเจ้าพนักงานตำรวจตามเอกสารหมาย จ. ๑๑ และ จ. ๑๒ แล้ว แม้คำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวเป็นเพียงพยานบอกเล่า แต่มีความสอดคล้องต้องกันในประเด็นสำคัญทำให้น่าเชื่อว่า พยานทั้งสองเบิกความไปตามความเป็นจริง และคำพยานของบุคคลทั้งสองยังสอดคล้องต่อเนื่องกับคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกไสวด้วย จึงทำให้พยานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อยิ่งขึ้น เมื่อพิจารณาประกอบกับหนังสือไทยเพลย์บอย เอกสารหมาย จ. ๔ หน้า ๕๒ และ ๕๓ ซึ่งมีข้อความของสมาชิกที่เขียนมาลงในหนังสือคอลัมน์ที่จำเลยต้องรับผิดชอบ เป็นข้อความที่แสดงถึงความประสงค์จะแลกเปลี่ยนคู่นอนกันโดยใช้จำเลยเป็นสื่อ และพิจารณาภาพประกอบบทความทั้งเล่มของหนังสือดังกล่าวที่แสดงให้เห็นถึงความลามกอนาจารอย่างชัดแจ้งโดยไม่ได้แสดงถึงความรู้เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์อันเป็นวิชาการแต่อย่างใดแล้ว น่าเชื่อว่าจำเลยได้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารมาโดยตลอด แสวงหาผลประโยชน์จากสิ่งลามกอนาจาร อันขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมอันดีของประชาชน และจำเลยเป็นผู้ติดต่อชักชวนให้สมาชิกมาพบกันเพื่อมีการตกลงแลกเปลี่ยนคู่นอนกันตามที่โจทก์ฟ้อง ซึ่งแม้สมาชิกจะตกลงยินยอมตามความสมัครใจกันเองก็ตาม การกระทำของจำเลยก็ถือว่าเป็นธุระจัดหาหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิง แม้หญิงนั้นจะยินยอมก็ตาม อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๒๘๒ วรรคแรกแล้ว
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share