แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือนและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นคดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218 ที่จำเลยฎีกาว่ามีอายุเพียง 16 ปีเศษจึงควรได้รับโทษสถานเบา และคดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางศาลชั้นต้น ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษานั้น เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ปรากฏใน สำนวนว่าจำเลยมีอายุ19ปี เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวเมื่อฎีกาของจำเลยต้องห้ามดังกล่าวแล้ว ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงไม่เกิดขึ้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ให้จำคุก 3 เดือน และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ที่จำเลยฎีกาว่า ขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุเพียง 16 ปี2 เดือน จำเลยควรได้รับโทษสถานเบา และคดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง ศาลแขวงธนบุรีไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้เห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนว่าจำเลยมีอายุ 19 ปี เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงไม่เกิดขึ้น ศาลฎีการับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยให้ไม่ได้
พิพากษายกฎีกาจำเลย