คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องคดีเพื่อรักษาผลประโยชน์ของโจทก์และสมาชิกจากการบริหารจัดการของจำเลยทั้งยี่สิบสามจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ที่ฝ่ายจำเลยยกปัญหาว่าการเลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินการชุดปัจจุบันไม่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของโจทก์เพื่อตัดอำนาจฟ้องโจทก์มิให้ฟ้องร้องบังคับคดีแก่ตน ฝ่ายจำเลยชอบที่จะขอให้นายทะเบียนสหกรณ์หรือรองนายทะเบียนสหกรณ์ยับยั้งหรือเพิกถอนได้ตาม พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ.2542 มาตรา 20 ขอให้นายทะเบียนสั่งให้คณะกรรมการดำเนินการพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะแล้วตั้งคณะกรรมการดำเนินการชั่วคราวเข้าดำเนินการแทนตามมาตรา 21 หรือขอให้นายทะเบียนสหกรณ์ตีความข้อบังคับเกี่ยวกับเรื่ององค์ประชุมตามมาตรา 58 ได้ตาม พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ.2542 มาตรา 45 เมื่อไม่ปรากฏว่านายทะเบียนมีคำชี้ขาดเกี่ยวกับการตีความข้อบังคับของโจทก์ตามที่จำเลยกล่าวหาว่ามีการจัดให้มีการเลือกตั้งโดยไม่ชอบ ข้อกล่าวอ้างของฝ่ายจำเลยที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจึงไม่อาจรับฟัง โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งยี่สิบสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งยี่สิบสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 330,649,052.70 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 299,509,054.30 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1, ที่ 3 ถึงที่ 8 ที่ 10 ถึงที่ 16, ที่ 18 ถึงที่ 22 ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2, ที่ 23 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 9, ที่ 17 ให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 6 ถึงแก่ความตาย โจทก์ยื่นคำร้องขอให้หมายเรียกนางวารินทร์ทิพย์ ทายาทของจำเลยที่ 6 เข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งบุคคลผู้ถูกเรียกเป็นคู่ความแทน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์พยานหลักฐานและมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 9 และที่ 19 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 9 และที่ 19 ไม่ฎีกาโต้แย้งรับฟังได้ตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับฟังเป็นยุติ ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 19 ฎีกาของจำเลยที่ 4 และฎีกาของจำเลยที่ 9 มีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นการรักษาผลประโยชน์ของโจทก์และสมาชิกจากการบริหารจัดการของจำเลยทั้งยี่สิบสาม จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ปัญหาว่าการเลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินการชุดปัจจุบันไม่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของโจทก์ ที่ฝ่ายจำเลยยกขึ้นกล่าวอ้างนั้นเป็นไปเพื่อตัดอำนาจฟ้องของโจทก์มิให้ฟ้องร้องบังคับคดีเอาแก่ตน มิใช่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของโจทก์หรือสมาชิกคณะกรรมการดำเนินการโจทก์ชุดที่ 39 ซึ่งมีจำเลยที่ 1 ถึง 22 ส่วนใหญ่เป็นกรรมการดำเนินการ เป็นผู้จัดให้มีการประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมการดำเนินการแทนชุดของตนที่บางส่วนหมดวาระ บางส่วนลาออกจนไม่มีกรรมการดำเนินการเหลืออยู่ เป็นการดำเนินการเลือกตั้งภายใต้การควบคุมบริหารจัดการของกรรมการดำเนินการชุดที่ 39 ให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของโจทก์ซึ่งได้จดทะเบียนไว้กับนายทะเบียนสหกรณ์ หากมีการดำเนินการเลือกตั้งหรือลงมติไม่ชอบด้วยระเบียบข้อบังคับของโจทก์ ฝ่ายจำเลยหรือสมาชิกชอบที่จะขอให้นายทะเบียนสหกรณ์หรือรองนายทะเบียนยับยั้งหรือเพิกถอนได้ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2542 มาตรา 20 ขอให้นายทะเบียนสั่งให้คณะกรรมการดำเนินการพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะแล้วตั้งคณะกรรมการดำเนินการชั่วคราวเข้าดำเนินการแทนตามมาตรา 21 หรือขอให้นายทะเบียนสหกรณ์ตีความข้อบังคับเกี่ยวกับเรื่ององค์ประชุมตามมาตรา 58 ได้ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2542 มาตรา 45 เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่านายทะเบียนได้มีคำชี้ขาดเกี่ยวกับการตีความข้อบังคับของโจทก์ที่จำเลยกล่าวหาว่าตนเองดำเนินการจัดให้มีเลือกตั้งโดยไม่ชอบ ยังไม่มีการขอให้นายทะเบียนยับยั้งหรือเพิกถอนการประชุมใหญ่ที่จำเลยกล่าวหาว่าเป็นการลงมติฝ่าฝืนข้อบังคับของโจทก์ และนายทะเบียนได้มีคำสั่งให้ยับยั้งหรือเพิกถอนมติดังกล่าวแล้ว ไม่มีการฟ้องร้องต่อศาลและศาลมีคำพิพากษาให้การเลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินการชุดที่จำเลยดำเนินการให้มีการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นโมฆะ ข้อกล่าวอ้างของฝ่ายจำเลยที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจึงไม่อาจรับฟัง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งยี่สิบสามนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 9 และที่ 19 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share