คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6864/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ใบปกเทปเพลงของจำเลยที่ 1 ระบุชื่อจำเลยที่ 1 โดยเปิดเผยว่าเป็นผู้ผลิต จัดจำหน่ายและเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงในเทปซึ่งรวมถึงเพลงพิพาทประกอบกับสัญญาซื้อขายลิขสิทธิ์เพลงระบุว่า ด. ขายลิขสิทธิ์เพลงพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 จึงมีความเป็นไปได้ว่าจำเลยอาจกระทำการต่องานลิขสิทธิ์ของโจทก์โดยเข้าใจว่าตนมีสิทธิโดยชอบที่จะกระทำได้ โจทก์เองก็มิได้นำสืบว่า ด. ไม่ได้ขายลิขสิทธิ์เพลงพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 หรือบุคคลอื่นใดอีก พฤติการณ์แห่งคดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสี่มีเจตนากระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์อันเป็นองค์ประกอบความผิดที่ฟ้อง คดีโจทก์ไม่มีมูล

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยชอบด้วยกฎหมายของบทเพลงชื่อ “ขวัญใจโชเฟอร์” และ “กับข้าวเพชฌฆาต” เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2542 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือ จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ในฐานะส่วนตัวและในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกันนำเอาบทเพลงดังกล่าวซึ่งประกอบด้วยเนื้อร้องและทำนองเพลงไปทำซ้ำหรือดัดแปลงหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชน ด้วยการเรียบเรียงเสียงประสานประกอบการบรรเลงดนตรีและเสียงประกอบคำร้องแล้วนำไปบันทึกลงในแถบบันทึกเสียง โดยใช้ชื่อชุดว่า”ร่วมด้วยช่วยกัน” ขับร้องโดย “น้ำค้าง เดือนเพ็ญ” แล้วนำออกขาย มีไว้เพื่อขายเพื่อประโยชน์ในทางการค้า ทั้งนี้จำเลยทั้งสี่รู้อยู่แล้วว่าดนตรีกรรมที่ทำขึ้นดังกล่าวเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่นจังหวัดขอนแก่น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 27,28, 29, 31, 69, 70, 73 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนดให้ศาลจังหวัดขอนแก่นทำการไต่สวนมูลฟ้องแทน เมื่อเสร็จการไต่สวนมูลฟ้องให้ส่งสำนวนคืนศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเพื่อทำคำสั่งหรือคำพิพากษาต่อไป

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์โจทก์ว่า คดีโจทก์มีมูลหรือไม่โจทก์มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง 1 ปาก คือ นายวรวัทน์ ชัยมะโนซึ่งเบิกความว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดจดทะเบียนเลิกห้างแล้วและอยู่ระหว่างการชำระบัญชีโจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในเพลงชื่อ”ขวัญใจโชเฟอร์” และ “กับข้าวเพชฌฆาต” โดยการซื้อลิขสิทธิ์เพลงดังกล่าวจากผู้ประพันธ์ตามเอกสารหมาย จ.3 ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เห็นว่า ใบปกเทปของจำเลยที่ 1 ตามเอกสารหมาย จ.6 ระบุชื่อจำเลยที่ 1 โดยเปิดเผยว่าเป็นผู้ผลิต จัดจำหน่ายและเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงในเทปซึ่งรวมถึงเพลงที่พิพาท เมื่อพิจารณาประกอบกับสัญญาซื้อขายลิขสิทธิ์เพลงระหว่างนายดิเรก เกศรีระคุปต์ กับจำเลยที่ 2 ที่จำเลยยื่นประกอบการถามค้านพยานปากนายวรวัทน์ตามเอกสารหมาย ล.1แล้ว แม้นายวรวัทน์จะเพียงยืนยันความมีอยู่ของข้อความในเอกสาร โดยมิได้ยืนยันความถูกต้องของเอกสารดังกล่าว แต่การที่ปรากฏเอกสารเช่นนั้นแสดงถึงความเป็นไปได้ว่าจำเลยอาจกระทำการต่องานลิขสิทธิ์ของโจทก์โดยเข้าใจว่าตนมีสิทธิโดยชอบที่จะกระทำได้ซึ่งโจทก์ก็มิได้นำสืบให้ปรากฏว่านายดิเรกไม่ได้ขายลิขสิทธิ์เพลงพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 หรือบุคคลอื่นใดอีก พฤติการณ์แห่งคดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสี่มีเจตนากระทำการละเมิดลิขสิทธิ์โจทก์อันเป็นองค์ประกอบความผิดที่ได้ฟ้อง คดีโจทก์จึงไม่มีมูล ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share