แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
สัญญาค้ำประกันต้องการเพียงหลักฐานเป็นหนังสือที่ผู้ค้ำประกันลงชื่อฝ่ายเดียวก็ใช้ฟ้องร้องบังคับคดีได้แล้วเจ้าหนี้หาจำต้องลงลายมือชื่อในสัญญาค้ำประกันด้วยไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ลูกจ้างโจทก์ใช้ค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยที่ 1 ร่วมกับลูกจ้างอื่นกระทำการทุจริตต่อโจทก์ จำเลยที่ 1 รับว่าทำให้โจทก์เสียหายจริง จำเลยที่ 2 รับว่าเป็นผู้ค้ำประกันจริง แต่จำเลยที่ 3ให้การว่าสัญญาค้ำประกันไม่ผูกพันจำเลยที่ 3 เพราะโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในช่องผู้ว่าจ้างศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าเสียหายหากไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ชำระแทน จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนที่จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า โจทก์มิได้ลงชื่อในสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.4 สัญญาดังกล่าวจึงใช้บังคับไม่ได้นั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680บัญญัติว่าสัญญาค้ำประกันคือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ค้ำประกันผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่ง เพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้นและสัญญาค้ำประกัน ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญจะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ ซึ่งมีความหมายว่า สัญญาค้ำประกันต้องการเพียงหลักฐานเป็นหนังสือที่ผู้ค้ำประกันลงชื่อฝ่ายเดียวก็ใช้บังคับได้แล้ว หาจำต้องลงลายมือชื่อโจทก์ด้วยดังที่จำเลยที่ 3ฎีกาไม่”
พิพากษายืน