คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 685/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาซื้อขายไม้ซุงกระยางเลยกำหนดให้จำเลยทั้งสองผู้ขายส่งมอบไม้ซุงที่โรงงานของบริษัทโจทก์สถานที่ดังกล่าวจึงเป็นสถานที่ที่โจทก์และจำเลยทั้งสองแสดงเจตนาไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าจำชำระหนี้ณสถานที่นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา324เมื่อจำเลยทั้งสองส่งมอบไม้ซุงให้โจทก์ณสถานที่ดังกล่าวแล้วจำเลยทั้งสองจึงไม่อาจเรียกค่าขนส่งไม้ซุงจากโจทก์ได้กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา464ซึ่งโจทก์ผู้ซื้อจะต้องออกค่าขนส่ง จำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ส่งไม้ซุงให้ครบจำนวนตามสัญญาแก่โจทก์โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกให้จำเลยทั้งสองคืนเงินมัดจำส่วนที่เหลือและเรียกค่าปรับได้เมื่อจำเลยทั้งสองเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ดังกล่าวโจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยทั้งสองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา224วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองทำสัญญาขายไม้ซุงกระยาเลยให้แก่โจทก์รวมปริมาตรเนื้อไม้ประมาณ 5,000 ลูกบาศก์เมตรโจทก์วางมัดจำจำนวน 2,000,000 บาท กำหนดส่งมอบสินค้าที่โรงงานของโจทก์ภายใน 60 วัน นับแต่วันทำสัญญา หลักจากทำสัญญาแล้ว จำเลยทั้งสองส่งไม้ซุงให้แก่โจทก์เพียง 16 ครั้ง รวมปริมาตรเนื้อไม้320.43 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเงิน 1,243,081.50 บาท และโจทก์ได้ออกเงินทดรองจ่ายค่าขนส่งไม้ซุงไปก่อนจำนวน 175,356.70 บาทเมื่อหักกับราคาไม้ซุงแล้ว คิดเป็นราคาค่าไม้ซุงที่จำเลยทั้งสองส่งให้โจทก์เป็นเงิน 1,067,764.80 บาท หลังจากนั้นจำเลยทั้งสองไม่ส่งไม้ซุงให้โจทก์อีกเลย จำเลยทั้งสองจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 3,864,550.40 บาทพร้อมดอกเบี้ย นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดค่าใช้จ่ายในการขนส่งไม้ซุง แต่เป็นหน้าที่ของโจทก์รับผิดชอบเองจำเลยทั้งสองไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและโจทก์นำเงิน 3,000,000 บาท มาหักเป็นค่าไม้ซุงที่ได้ส่งมอบแก่โจทก์แล้ว เงินดังกล่าวจึงไม่ใช่เงินมัดจำ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระค่าปรับ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน2,505,356.70 บาท พร้อมดอกเบี้ย นับแต่วันฟ้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 2,422,233.20 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าสัญญาซื้อขายไม้ซุงกระยาเลยกำหนดให้ผู้ขายส่งมอบไม้ซุงที่โรงงานของบริษัทโจทก์ ดังนั้น สถานที่ดังกล่าวจึงเป็นสถานที่ที่โจทก์และจำเลยทั้งสองแสดงเจตนาไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าจะพึงชำระหนี้ ณ สถานที่ดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 324 ดังนั้น การที่จำเลยทั้งสองนำไม้ซุงไปส่งมอบให้โจทก์ณ โรงงานของบริษัทโจทก์ดังกล่าวซึ่งเป็นสถานที่อันพึงชำระหนี้ จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ขายไม้ซุงจึงไม่อาจเรียกค่าขนส่งไม้ซุงจากโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อไม้ซุงได้ กรณีไม่ต้องด้วยลักษณะการขนส่งทรัพย์สินซึ่งได้ซื้อขายกันไปยังที่แห่งอื่นนอกจากสถานที่อันพึงชำระหนี้ซึ่งผู้ซื้อจะต้องออกค่าขนส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 464 จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ขายจึงต้องรับผิดชอบในค่าขนส่งไม้ซุงดังกล่าวเอง และเมื่อโจทก์เป็นผู้ทดรองจ่ายค่าขนส่งไม้ซุงไปก่อน โจทก์ย่อมมีสิทธิหักค่าขนส่งจำนวน 175,346.70 บาท ออกจากราคาไม้ซุงที่โจทก์จะต้องชำระให้แก่จำเลยทั้งสอง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชำระค่าปรับและดอกเบี้ยแก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่าเมื่อจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ส่งไม้ซุงให้แก่โจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขายไม้ซุงได้ ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิเรียกให้จำเลยทั้งสองคืนเงินมัดจำส่วนที่เหลือและเรียกค่าปรับจากจำเลยทั้งสองได้ตามสัญญาซื้อขายไม้ซุงกระยาเลย เมื่อโจทก์มีหนังสือทวงถามจำเลยทั้งสองแต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉยไม่คืนเงินมัดจำส่วนที่เหลือและชำระค่าปรับแก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยทั้งสองได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคหนึ่ง
พิพากษายืน

Share